“กมธ.มั่นคงฯ” เรียกหน่วยงานแจงปราบอาชญากรรมข้ามชาติ จี้เก็บ“อัตลักษณ์”สกัด “แก็งคอลเซ็นเตอร์”ก่อเหตุซ้ำ ด้าน “โรม” หวั่นฟอกขาว “แก็งคอลฯ” หลังข้อมูลใหม่ “ไบโอเมตทริกซ์” ไลเซนส์หมดอายุ นักท่องเที่ยว 17 ล้านคนเข้าออกไทยไร้ระบุตัวตน “กมธ.ดีอี” จ่อลงพื้นที่ดูตัดสัญญาณเน็ตสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 20 ก.พ.68 เวลา 09.35 น. ที่รัฐสภา นายสยาม หัตถสงเคราะห์ สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กมธ.ฯ ว่า วันนี้เรามีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ (Anti Online Scam Operation Center หรือ AOC) รวมถึงแพลตฟอร์ม เข้ามาร่วมให้ข้อมูลการประชุมเกี่ยวกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งตนรับทราบมาว่าเมื่อมีผู้เสียหายมาเขาก็ขอรับรายงานจากกมธ.ฯ ก่อนแล้วค่อยให้ความร่วมมือตามที่เราจะได้ข้อสรุป
เมื่อถามว่า มีแนวทางที่จะช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบแล้วหรือไม่ นายสยาม กล่าวว่า ขั้นตอนที่ต้องดำเนินการจะเป็นไปตามขั้นตอนคือ เมื่อผู้เสียหายได้รับผลกระทบและแจ้งความไปแล้ว เราจะทำอย่างไรให้คดีคืบหน้า ซึ่งเราต้องร่วมมือกับทุกฝ่าย เพราะคดีที่เกิดขึ้นเกิดจากการถูกหลอกบนแพลตฟอร์มติ๊กต็อกและเฟซบุ๊กที่มีการติดต่อกมธ.ฯ มาว่าจะให้ความร่วมมือ แต่เราก็บอกว่าเราต้องการกระชับพื้นที่และต้องการให้สิ่งเหล่านี้ลดลงหรือหมดไปให้ได้
เมื่อถามว่า จะมีการกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีกหรือไม่ นายสยาม กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลฯ ก็พยายามอย่างเต็มที่ สภาผู้แทนราษฎรเราก็พยายามอย่างเต็มที่ในการประชาสัมพันธ์เพื่อให้ความรู้กับประชาชนว่าภัยออนไลน์ยังมีอยู่และจะมีการหลอกลวง
เมื่อถามว่า มีการยึดเงินมาจากบัญชีม้าจะสามารถเฉลี่ยคืนให้ผู้เสียหายได้หรือไม่ นายสยาม กล่าวว่า ขณะนี้การเฉลี่ยทรัพย์ในเชิงกฎหมายยังไม่แล้วเสร็จดี 100 เปอร์เซ็นต์ และตอนนี้พรรค พท.มีการร่างพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) เกี่ยวกับการป้องกันอาชญากรรมทางไซเบอร์เรียบร้อยแล้ว แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของทางพรรค ซึ่งเมื่อเสร็จและเสนอเข้าสู่สภาฯ ก็คาดว่าจะเป็นประโยชน์แน่นอน
เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยเรื่องการตัดอินเตอร์เน็ตฝั่งประเทศเมียนมาที่จะต้องทำให้จบภายในสัปดาห์นี้ ในกมธ.ฯ หรือไม่ นายสยาม กล่าวว่า กมธ.ฯ มีมติแล้วว่าสัปดาห์หน้าจะลงพื้นที่ไปตรวจสอบ เพราะมีผลกระทบต่อประชาชนด้วย โดยจะมีการเชิญ NT และโอเปอร์เรเตอร์เพื่อให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตรวจสอบสัญญาณบริเวณขอบชายแดน ว่าหากกระทบกับคนไทยจะแก้ไขอย่างไรได้บ้าง ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถตัดอินเทอร์เน็ตได้ทั้งหมด
ด้าน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร สัมภาษณ์ ว่า การส่งตัวเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับไปประเทศต้นทางขณะนี้มีความน่ากังวลอยู่ตรงที่การเก็บข้อมูล ซึ่งมี 2 ส่วน คือ ประเด็นที่ 1 การสอบข้อเท็จจริงต่างๆการเช็กข้อมูลเพื่อยืนยันว่าเป็นเหยื่อจริงหรือไม่หรือเป็นอาชญากร ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลสำคัญที่จะนำมาใช้ในการปราบปรามต่อไป ที่น่าห่วงคือ ณ วันนี้ข้อมูลที่เก็บได้ยังไม่ใช่ข้อมูลทั้งหมดเพราะยังมีระดับบอส ระดับเมเนเจอร์ ซึ่งบางกระแสระบุว่า อาจจะไม่ได้อยู่ที่เมียวดีแต่อยู่ที่ประเทศไทย ในจุดที่ไม่ไกลจากเมืองหลวง เพราะหากยังจัดการเรื่องนี้ไม่ได้จะกลายเป็นว่าเมื่อมีการส่งเหยื่อคอลเซ็นเตอร์กับประเทศแล้วจะยังมีจีนเทาอยู่ในประเทศใช่หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ประเทศไทยจะต้องปกป้องตัวเองจะหวังพึ่งประเทศอื่นไม่ได้
นายรังสิมันต์ โรม กล่าวต่อว่า ประเด็นที่2ซึ่งสำคัญไม่แพ้กันคือการเก็บอัตลักษณ์ข้อมูล เพราะอย่างที่รู้กันบรรดาจีนเทาเหล่านี้จะมีการไปซื้อสัญชาติ ซื้อพาสปอร์ต ฉะนั้นหากไม่มีการเก็บอัตลักษณ์เลยเราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนเหล่านี้ในอนาคตอาจจะกลับมาอีกด้วยพาสปอร์ตเล่มใหม่
“วันนี้ตนได้ข้อมูลว่าเหตุผลที่ไม่มีการเก็บอัตลักษณ์นั้นอาจเป็นเพราะระบบที่เราซื้อ ใช้ไม่ได้อีกแล้ว หมายความว่า ที่เราใช้กันที่สนามบินไม่ว่าจะเป็นสุวรรณภูมิดอนเมือง ภูเก็ต เชียงใหม่ รวมไปถึงบริเวณชายแดนมีความเป็นไปได้ว่าตอนนี้ระบบที่เคยซื้อไปไม่ได้มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์อีกแล้วมาเป็นเวลานาน”
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวว่า สาเหตุที่ไม่มีการเก็บข้อมูลเท่าที่ทราบเกิดจากไลเซนส์น่าจะหมดอายุ เรื่องนี้คงต้องมีการซักถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหากไม่มีมาตรการอะไรเลยแล้วปล่อยให้คนเข้าออกเช่นนี้ประเทศไทยจะเสียหายอย่างมาก
นอกจากนี้เท่าที่ทราบคือมีความเป็นไปได้ว่าคนที่เข้าออกประเทศไทยซึ่งตัวเลขอาจจะถึง 17ล้านคน อาจจะไม่มีการเก็บข้อมูลอัตลักษณ์เลยส่วนที่มีการเก็บอยู่ในขณะนี้เป็นเพียงแค่การเก็บหน้าพาสปอร์ตรวมถึงชื่อแต่เพียงเท่านั้นแต่ไม่ได้เป็นไปในลักษณะของไบโอเมทริกซ์ หมายความว่า "นาย ก." มาประเทศไทยด้วยสัญชาติจีนด้วยพาสปอร์ตจีนไปก่ออาชญากรรมอะไรเข้า เราพบว่า คนนี้คือ นาย ก. แต่หนีไปแล้วเราอาจจะขึ้นแบล็คลิสต์วันข้างหน้าหาก นาย ก.มาด้วยสัญชาติวานูวาตูมาที่ประเทศไทยใช้พาสปอร์ตวานูวาตู เราไม่สามารถระบุได้ ผมขอให้เรื่องนี้ไม่จริงวันนี้จึงถือโอกาสถามหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในสองเรื่องดังกล่าว ผมรับรองได้เลยว่าถ้าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงถือเป็นเรื่องใหญ่นั่นหมาย ความว่าระบบความมั่นคงของประเทศ พังทั้งหมด
นายรังสิมันต์ โรม กล่าวอีกว่า นอกจากนี้จะมีการพิจารณาการออกหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู่ ผู้นำ BGF ซึ่งมีข้อสงสัยว่าเป็นการละครหรือ ฟอกขาวหรือไม่อย่างที่รู้กันว่าเดิมทีอัยการจะมีการไปพบกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)แต่จู่ๆกลับมีการยกเลิกกระทันหัน และคิดว่าเรื่องนี้ถ้าเป็นจริงผิดกันอย่างชัดเจนรวมถึงประเทศต่างๆคว่ำบาตรหม่อง ชิดตู่ อย่างชัดเจนตนเป็นห่วงว่าระบบกฎหมายไทยจะกากกลายเป็นการฟอกขาวให้กับ หม่อง ชิตตู่ไป ซึ่งเรื่องนี้คงจะต้องมีการพูดคุยนอกจากนี้ยังมีอาชญากรอีกหลายหลายคนที่เราจะต้องวางเป้าหมายร่วมกันของรัฐต่อไปและจะต้องมีการพูดคุยทั้งในส่วนของดีเอสไอ และ สภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)
เมื่อถามถึงข้อมูลของเมือง กลุ่ม D.K.B.A นายรังสิมันต์โรม เผยว่า ข้อมูลที่ได้รับมานั้น เป็นบริเวณแถบช่องแคบที่มีแก๊งสแกมเมอร์อยู่ประมาณหลักหมื่นคน อาจจะรวมเหยื่อ อาชญากร ที่มีการทารุณกรรม ความโหดร้าย จากข้อมูลของชาวบ้านที่ระบุว่ามีการพบศพช่วงน้ำหลากบริเวณริมแม่น้ำเมยประจำ ซึ่ง D.K.B.A ก็ไม่ได้มีความเป็นเอกภาพ มีผู้นำคือ พลจัตวา ซาย จอ หล่า หรือ โกซาย ซึ่งตนเองมองว่ามีความโหดร้ายทารุณไม่ต่างกับพื้นที่ของ พล.ต.หม่องชิตตู่
อย่างไรก็ดี ในส่วนของเรื่องการใช้ไฟตนเองเข้าใจว่าน่าจะมีการพ่วงมาก่อนหน้านี้จากภายใน แต่ตอนนี้ตัดไปหมดแล้ว รวมทั้งข่าวที่ตนเองได้รับจากสื่อมวลชนว่าจะมีการขนถังแก๊ส และน้ำมัน ซึ่งอยู่ใกล้กับบ้านของโกซายอีกด้วย