วันที่ 20 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า ภายใต้นโยบายเร่งด่วนของ   พล.ต.ต. วิชิต บุญชินวุฒิกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ  ซึ่งจัดตั้งทีมเฉพาะกิจช่วยเหลือเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยดึงเอาตำรวจฝีมือดีด้านเทคนิค IT อย่าง พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น หรือสารวัตรเต้ สว.สส.สภ.บางพลี  มาเป็นหัวหน้าชุดปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีประจำจังหวัดสมุทรปราการ เพื่อไล่ล่าขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์และช่วยเหลือเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่างๆ

โดย เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา พ.ต.ต.สันติราษฎร์ เงินมั่น สว.สส.สภ.บางพลี หัวหน้าชุดเฉพาะกิจชุดเหลือเหยื่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนของ สภ.บางพลี พร้อมหมายค้น เดินทางไปโรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร หลังจากที่ สารวัตรเต้ หัวหน้าชุดเฉพาะกิจ ได้ข้อมูลจากการสืบสวนทราบว่า เป็นที่พักของผู้เสียหาย ซึ่งเป็นนักศึกษาสาวอายุ 22 ปี นักศึกษาของมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง จึงประสานผู้ปกครองพร้อมนำหมายค้นและกำลังเดินทางไปที่โรงแรมดังกล่าวช่วงกลางดึกที่ผ่านมา เนื่องจากหวั่นเรื่องความปลอดภัยของผู้เสียหาย

ซึ่งทันทีที่พ.ต.ต.สันติราษฎร์ พร้อม ฝ่ายสืบสวนตำรวจภูธรบางพลี ได้พิกัดห้องพักที่ชั้น 3  ของโรงแรมดังกล่าวจึงประสานให้ผู้ดูแลโรงแรมพาไปที่ห้องพักและพยายามเคาะประตูห้องให้ผู้เสียหายเปิดประตูออกมาพบเจ้าหน้าที่ แต่เคาะนานเท่าไหร่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมเปิดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องประสานผู้ปกครอง ให้เดินทางมายังห้องพักดังกล่าว เพื่อขอให้พูดคุยกับทางผู้เสียหายให้ยอมเปิดประตูห้องพัก แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลจนเจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้กุญแจสำรองเปิดประตูเข้าไป

ทั้งนี้เจ้าตัวถึงกับร้องไห้ปล่อยโฮทันที เพราะหวาดกลัวคำขู่จากแก๊งคอลเซอร์เตอร์ที่ยังวีดีโอคอลคุยกับเหยื่อผู้เสียหายในขณะที่ตำรวจบุกมาถึง ซึ่งมีการข่มขู่ไม่ให้เหยื่อเปิดประตูให้ สุดท้ายสามารถช่วยเหลือเหยื่อนักศึกษาสาวรายนี้กลับคืนสู่อ้อมออกผู้ปกครองได้สำเร็จ

ด้านพล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล  ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เปิดเผยว่า สำหรับเคสนี้ หลังจากที่มีผู้ปกครองของผู้เสียหายรายนี้ มาแจ้งความร้องทุกข์กับทางพนักงานสอบสวนของ สภ.บางพลี ว่านักศึกษาสาวรายนี้ หายไป ตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ.68 เวลาประมาณ 19.10 น. ไม่สามารถติดต่อได้ เกรงว่าจะได้รับอันตรายทั้งในร่างกายและทรัพย์สินในภายภาคหน้าจึงได้เดินทางมาแจ้งความให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการช่วยติดตามหา ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.บางพลี ได้สอบถามข้อมูลจากญาติจนทราบว่า  น่าจะโดนแก๊งมิจฉาชีพ call center หลอกลวงผ่านทาง application line เพราะมีพฤติการณ์ให้พ่อแม่โอนเงินผ่านบัญชี  ปลายทางไปให้นายธีรศักดิ์ จำนวน 350,000 บาท โดยแบ่งเป็น 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 จำนวน 50,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 200,000 บาท ครั้งที่ 3 จำนวน 100,000 บาท และได้โดนหลอกให้ออกจากหอพักย่าน ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยญาติไม่ทราบว่าจุดหมายอยู่ที่ใด

พร้อมกันนี้ได้มอบหมายให้หัวหน้าชุดเฉพาะกิจดังกล่าวจัดตั้งทีมไล่ล่าและเร่งติดตามตัวให้ได้โดยเร็วเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง  และประสานขอข้อมูลทางเทคนิค กับ กองบังคับการสืบสวนภาค1 จนพบว่า ผู้เสียหายที่เป็นนักศึกษาสาวรายนี้เปิดห้องพักที่โรงแรมดังกล่าวที่ย่านลาดพร้าวจึงมีการขออนุมัติหมายค้นและบุกไปช่วยเหลือ ซึ่งตอนที่ตำรวจเข้าไปช่วยยังพบว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่ปลอมเป็นตำรวจยังมีการวิดีโอคอลพูดจาข่มขู่ผู้เสียหายอยู่

จากการสอบสวนเบื้องต้น เหตุการณ์ดังกล่าว ตำรวจได้รับแจ้งจากพ่อ-แม่ ของผู้เสียหายว่า ลูกสาวถูกลักพาตัวไป พ่อแม่จึงเดินทางมาขอให้ตำรวจช่วย โดยก่อนหน้านี้ มีค่ายโทรศัพท์มือถือ โทรมาหาผู้เสียหาย อ้างว่าผู้เสียหายไปเกี่ยวข้องกับขบวนการฟอกเงิน และให้ไปแสดงตัวที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ แต่ผู้เสียหายไม่สะดวกเดินทางไป จึงบังคับให้ผู้เสียหายไปเปิดห้องพักย่านวังทองหลาง และวิดิโอคอลคุยกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์ตลอดเวลา แม้กระทั่งเวลากินข้าว โดยมีการหลอกต่อเนื่อง 7 วัน เฉพาะวันที่เข้าไปช่วย พบว่ามีการพูดคุยกันนานถึงกว่า 17 ชั่วโมง

โดยในระหว่างนั้น มิจฉาชีพได้ให้ผู้เสียหายคุยกับบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ , ปปง. และเจ้าหน้าที่ธุรกรรมบัญชี  หลังจากหลอกเด็กสาวจนเงินหมดแล้ว คนร้ายได้สั่งให้เด็กโทรไปไปหลอกพ่อแม่ ว่า ลงทะเบียนเรียนเนื่องจากสอบติดทุนเรียนต่อต่างประเทศ และจะนำเงินไปเรียน แต่จะต้องใช้เงินลงทะเบียน 50,000 บาท ค้ำประกัน 300,000 บาท ซึ่งครอบครัวผู้เสียหาย ได้มีการโอนเงินเข้าบัญชีของลูกสาว หลังจากนั้นผู้เสียหาย ก็โอนต่อไปยังให้กลุ่มคอลเซนเตอร์ หลังจากหมดวิธีโกหกเรื่องของการเรียนต่อต่างประเทศแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ให้ผู้เสียหาย หลอกพ่อ-แม่ ว่าโดนลักพาตัว และจะโดนทำร้ายร่างกาย รวมถึงนำไปขายที่ต่างประเทศ พร้อมทั้งข่มขู่พ่อแม่ของผู้เสียหาย ให้โอนเงินมา 200,000บาท แต่พ่อแม่ของผู้เสียหายรู้สึกแปลกใจ จึงเดินทางมาแจ้งความกับตำรวจที่ สภ.บางพลี หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เริ่มปฏิบัติการค้นหาผู้เสียหายทันที ซึ่งในช่วงแรกที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นหา ได้พยายามเจาะไปตามโรงแรมต่างๆ ในพื้นที่วังทองหลาง เนื่องจากว่าผู้เสียหายไม่ยอมบอกพิกัดที่อยู่  จนกระทั่งสามารถตามไปช่วยเหลือได้อย่างปลอดภัย