“บิ๊กอ้วน”ต้อนรับ รมต.ป้องกันประเทศ สปป.ลาว ร่วมหารือความมั่นคงเดินหน้าปราบ “ยาเสพติด-แก๊งคอลเซ็นเตอร์” พร้อมถก “หลิว จงอี” สางปัญหาคอลเซ็นเตอร์

เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2568 ที่กระทรวงกลาโหม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้การต้อนรับพล.ท.คำเลียง อุทะไกสอน รัฐมนตรีกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามแนวชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย-ลาว ครั้งที่ 29 ระหว่าง 18 - 19 ก.พ.2568

โดยก่อนการเข้าเยี่ยมคำนับ กระทรวงกลาโหมได้จัดให้มีพิธีตรวจแถวกองเกียรติยศผสมสามเหล่าทัพ ณ ลานอเนกประสงค์ ในศาลาว่าการกลาโหม และหารือความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมของไทย กับกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

จากนั้นนายภูมิธรรม และ พล.ท.คำเลียง อุทะไกสอน จะเป็นประธานร่วมในการประชุม GBC ไทย-ลาว โดยประเด็นการหารือเน้นความร่วมมือด้านความมั่นคงในทุกมิติ ทั้งปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติยาเสพติด แรงงานผิดกฎหมาย และปัญหาขบวนการคอลเซ็นเตอร์ที่เกี่ยวข้องกับหลายประเทศ และเชื่อมโยงปัญหาค้ามนุษย์

อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม เปิดเผยถึงผลการหารือว่า ได้มีการพูดคุยถึงปัญหาต่างๆในทุกประเด็นโดยเฉพาะตามแนวชายแดนซึ่งความร่วมมือทั้งสองประเทศถือว่ามีความแน่นแฟ้นเป็นมิตรที่ดีต่อกันและมีหลายเรื่องที่มีปัญหาร่วมกันดังนั้นช่วยกันแก้ไขปัญหา

ส่วนการช่วยเหลือพลเมืองที่ได้รับความเดือดร้อนจากแก้ปัญหาคอลเซนเตอร์ของทางการลาวนั้น เรื่องนี้ทั้งสองประเทศเล็งเห็นถึงความสำคัญคิดว่าจะช่วยกันในการแก้ไขปัญหาไม่ใช่แค่เรื่องปัญหาคอลเซนเตอร์แต่ในทุกๆเรื่องโดยเฉพาะอาชญากรรมตามแนวชายแดนที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อให้ภูมิภาคนี้เกิดความมั่นคง ขณะที่ รัฐมนตรีกระทรวงป้องกันประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ขอบคุณไทยที่ได้ช่วยเหลือและได้มีการส่งกลับประเทศไปบางส่วนแล้ว ส่วนที่ยังเหลือและต้องช่วยกันหาต่อไป

พร้อมกันนี้ในช่วง 16.00 น. นายภูมิธรรม มีกำหนดการพบหารือกับนายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณรัฐของจีน เพื่อหารือข้อเสนอการแก้ปัญหาขบวนการคอลเซ็นเตอร์ หลังนายหลิว จงอี เดินทางลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และได้เดินทางไปที่เนปิดอร์ เมียนมา ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา

เมื่อเวลา 09.45 น. ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ “เชื่อมั่นประเทศไทย” ในงานสัมมนา Matichon Leadership Forum 2025 Trust Thailand : เชื่อมั่นประเทศไทย ตอนหนึ่งว่า  รัฐบาลตระหนักถึงปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ อันนี้เป็นปัญหาที่ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ประชาชนที่ถูกหลอกหมดตัว บางคนถึงขั้นจบชีวิต ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลเห็นว่าไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป และจากที่รัฐบาลมีการตัดไฟ และการขนส่งน้ำมันไปยังเมียนมา เรื่องนี้ได้รับคำชมจาก นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประโยคแรกเลยว่า รัฐบาลจัดการได้เด็ดขาด และทางจีนพร้อมให้ความร่วมมือเข้ามาช่วยเหลือเรื่องนี้ต่ออย่างจริงจังและเป็นรูปแบบ ซึ่งดีมากที่เราสามารถช่วยกันในเรื่องนี้ได้ โดยตอนที่เราตัดไฟ มีตัวเลขออกมาที่เป็นผลจากการกดดันของรัฐบาลไทย ทำให้ทางฝั่งเมียนมา ปล่อยตัวส่งคืนเหยื่อที่ไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ 300 กว่าคน แต่ก็ยังมีอีกประมาณ 7,000 คนที่รอการปล่อยตัว ซึ่งตอนนี้กำลังคุยกันระหว่างประเทศ โดยมีรายงานว่าใช้ไฟฟ้าลดลง 40% ถือเป็นความสำเร็จอย่างมาก

นายกฯ กล่าวว่า นอกจากนี้รัฐบาลยังได้ออก พระราชกำหนดมาตรการป้องกันอาชญากรรมทางออนไลน์และเทคโนโลยี โดยกฎหมายนี้จะให้บริษัทโทรคมนาคมและธนาคารพาณิชย์ ร่วมกันรับผิดชอบแก่ผู้เสียหาย เป็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนที่เราทำงานร่วมกัน ไม่อย่างนั้นรัฐบาลออกกฎมาอย่างเดียวก็ไม่ได้ และคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งที่เห็นผลเร็วๆนี้ ทำให้การจัดการกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นไปได้อย่างประสิทธิภาพมากขึ้น

นายกฯ กล่าวว่า ตนอยากย้ำ เรื่องความเชื่อมั่นของประเทศไทย แน่นอนว่ารัฐบาลเต็มที่เพื่อให้ประเทศไทยเกิดความเชื่อมั่นของทั้งต่างประเทศและคนในประเทศ ซึ่งความเชื่อมั่นทั้งหมด ไม่ได้มาจากรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว แต่มาจากความร่วมมือทุกภาคส่วน ขอเพิ่มเติมว่า การที่เราสามารถติดต่อกับต่างประเทศ ความร่วมมือเรื่องคอลเซ็นเตอร์ เป็นเรื่องของรัฐบาลกับรัฐบาลด้วยกันติดต่อประสานงานกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อ่อนไหว เราไม่สามารถผิดขั้นตอนข้อตกลงระหว่างประเทศ (โปรโตคอล) เช่นบางทีตนโดนถามเรื่องต่างประเทศ ก็ยังไม่สามารถตอบได้ทันทีเพราะว่าสิ่งที่เป็นโปรโตคอล เขาจะนับว่าตัวนายกฯ และรมว.การต่างประเทศไม่ว่าจะพูดอะไร สัมภาษณ์ที่ไหน สิ่งนั้นจะถือเป็นสิ่งที่ใช่แล้ว ตกลงแล้ว เพราะฉะนั้นบางเรื่องที่เกี่ยวกับต่างประเทศ ตนยังต้องปรึกษารมว.การต่างประเทศว่าเรื่องดังกล่าวสามารถพูดได้หรือไม่ ละเอียดอ่อนมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้สามารถเปิดเผยระหว่างประเทศได้หรือยัง นี่คือสิ่งที่จำเป็น

นายกฯ กล่าวว่า เรื่องคอลเซ็นเตอร์เป็นเรื่องใหญ่ที่รัฐบาลกับรัฐบาลต้องร่วมมือกันให้เกิดผลอย่างมีประสิทธิภาพที่ดีกับทั้งสองประเทศ  ฉะนั้นความเชื่อมั่นเหล่านี้ไม่ได้เกิดแค่จากฝั่งรัฐบาล ต้องเกิดจากภาคเอกชน ประชาชนด้วย ถ้าทุกคนร่วมมือกันเราก็จะมีประเทศที่พัฒนาด้านเศรษฐกิจและมีสังคมที่ปลอดภัยในอนาคต และตนจะเดินหน้าการเดินสายต่อดึงเม็ดเงินจากต่างประเทศเข้ามา อย่างไรก็ตามจีดีพีของประเทศ หรือความเป็นอยู่ของประชาชน ก็ต้องค่อยๆดีขึ้นเป็นลำดับอย่างแน่นอน ขอให้ทุกคนมีความเชื่อมั่น มีกำลังใจว่ารัฐบาลเห็นทุกปัญหาของทุกพื้นที่ และพร้อมสนับสนุนประชาชนและภาคเอกชนอย่างเต็มที่