วันที่ 19 ก.พ. 68 ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนักท่องเที่ยวชาวอิสราเอล ที่เข้ามาทาท่องเที่ยวที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เป็นจำนวนมาก และมีพฤติกรรมที่ไม่ดี อาทิ เมากร่าง ทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งจะมีการจัดการเรื่องอย่างไรบ้าง ว่า จะแบ่งเรื่องออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งส่วนที่ 1 ทางฝ่ายปกครอง นำโดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน และตำรวจในพื้นที่ ได้มีการประชุม และรับฟังความเดือดร้อนของชาวบ้าน โดยแบ่งเป็นประเด็นทั้งเรื่องของการใช้ยานพาหนะ การไปสถานบริการ และการอยู่อาศัยว่า ถูกต้องหรือไม่ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้นั่งหัวโต๊ะเป็นประธาน รับนโยบายจากนายกรัฐมนตรี ให้พิจารณาดูเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยให้ดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า ในส่วนของจังหวัดได้มีการขับเคลื่อน และประชุมวางแผน แบ่งหน้าที่การปฏิบัติงานอย่างชัดเจน ซึ่งในส่วนของตำรวจ ได้สั่งการไปที่ตำรวจภูธรภาค 5, สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ตม.) ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล, ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว รวมไปถึงผู้ว่าราชการจังหวัด ให้มีการดำเนินการ 5 ประเด็นหลักคือ ตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริง เพื่อนำมาสู่การปฏิบัติว่า มีการพำนักอาศัยในประเทศไทยเกินระยะเวลาที่กำหนดหรือไม่ (Over stay)และพักอาศัยอย่างไร กระทำผิดความผิดอะไรบ้าง ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง หากกระทำผิดกฎหมายในส่วนรับผิดชอบของตำรวจหน่วยงานใด ก็บังคับใช้กฎหมายในส่วนนั้น
ผบ.ตร.กล่าวต่อว่า สิ่งที่ประชาชนไม่สบายใจ ในพื้นที่ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน เราต้องตรวจสอบดูว่า เจ้าหน้าที่ดำเนินการอะไรไปบ้าง ซึ่งหากพบว่า มีตำรวจเข้าไปเอื้อประโยชน์ ก็จะดำเนินการทางวินัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองได้เน้นย้ำ โดยได้สั่งการไปที่พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ที่กำกับดูแลความมั่นคง ภายใน 2-3 วันนี้ จะลงพื้นที่ไปตรวจสอบความคืบหน้า และบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ ฝากไปยังพี่น้องประชาชน หากมีคลิปวิดีโอ หรือข้อมูลเบาะแสเพิ่มเติม ก็ขอให้แจ้งเข้ามาในช่องทางของสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทุกช่องทาง ขอยืนยันว่า ชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาโดยวิธีการที่ผิดกฎหมาย แอบแฝงทำธุรกิจที่ผิดกฎหมาย ยืนยันว่า จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น และจริงจัง