เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 19 ก.พ. 68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ครั้งที่ 2/2568 โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว. มหาดไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว. อุตสาหกรรม นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ อธิบดีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผู้บัญชาการกองทัพอากาศ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ
จากนั้นเวลา 14.15 น. นายประเสริฐ แถลงผลการประชุมติดตามสถานการณ์และแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ว่า ขณะนี้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลดีขึ้น ปริมาณที่ปรากฏถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่ประเด็นที่จะตามมาคือ พื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันตกเริ่มมีการเผาป่าเกิดขึ้น เป็นสิ่งที่คณะกรรมการต้องรับมือ ในการประชุมนายกฯ ได้มีข้อสั่งการหลายเรื่อง โดยเบื้องต้นให้มีการดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้นต่อเนื่อง เพื่อรับมือสถานการณ์และเหตุการณ์ที่จะเกิดล่วงหน้าดังนี้ 1. นายกฯ มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย ติดตามสถานการณ์การเผาป่าในเขตพื้นที่ต่างๆ โดยการทำงานร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแนะนำเกษตรกร รวมถึงการติดตามการเผาป่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่างๆ
2. มอบหมายให้กระทรวงดีอีรายงานและ ติดตามการเผาแบบภาพรวมเป็นระยะๆ และให้รายงานตรงต่อสำนักนายกรัฐมนตรี 3. สั่งการให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดูการเผาป่าในพื้นที่ต่างๆ ทั้งที่เกิดจากธรรมชาติ และเป็นเหตุการณ์ที่มนุษย์ทำขึ้น และสั่งการให้มีการดูแลในพื้นที่ป่าอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และ 4. สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์งดซื้อสินค้าผลผลิตที่เกิดจากการเผา รวมถึงวัตถุดิบที่ใช้ในอาหารสัตว์ โดยขอร้องผู้ประกอบการไม่ให้ซื้อวัตถุดิบที่เกิดจากการเผา
ทั้งนี้ในส่วนพื้นที่กทม.ได้มีการควบคุมฝุ่น ที่เกิดจากการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมก่อสร้าง รถเก่าที่ปล่อยควันดำ
นอกจากนี้ยังสั่งให้กระทรวงการต่างประเทศทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งทราบกันดีว่า จุดฮอตสปอตอันดับหนึ่งอยู่บริเวณประเทศกัมพูชา ตามมาด้วยพื้นที่ที่ติดกับประเทศเมียนมาและประเทศลาว
โดยนายกฯ ขอให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง และให้ความรู้กับประชาชนในการติดตาม เรื่องการแจ้งข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในกรณีที่พบเห็นการเผาหรือกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิด PM 2.5 เพิ่มเติมมากขึ้น
นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้มีมาตรการต่างๆให้รับทราบ ซึ่งมาตรการหลายอย่างเห็นผลดี เช่นภายหลังจากที่กระทรวงอุตสาหกรรมที่ไม่รับซื้ออ้อยที่เผาเกิน 25% ก็ดำเนินการได้ตามเป้าทุกอย่าง ซึ่งในรอบหลายปีไม่เคยมีการเผาอ้อยได้ต่ำขนาดนี้ นอกจากนี้ยังมีการปิดโรงงานที่จังหวัดอุดรธานี เพราะฉะนั้นมาตรการเหล่านี้ส่งผลให้ภาพรวมปริมาณฝุ่นในกรุงเทพฯไปได้ดี สิ่งที่ต้องเผื่อต่อไป คือไฟป่าที่จะเกิดในภาคเหนือและภาคตะวันตก
ด้านนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ที่ประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ปภ.ช.) จะยืนยันว่าสถานการณ์ฝนจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ แต่นายกฯ ได้กำชับว่า ขอให้เขียนแผนล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงเดือน ต.ค.- ธ.ค. ต้องไม่มีสถานการณ์ที่เป็นอยู่ อย่างน้อยก็ขอให้ลดลง 50% หากทำได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี จะทำให้ในช่วง 8-9 เดือน หลังจากนี้ PM 2.5 จะหายไปจากข่าวสารของบ้านเมืองได้มีการบังคับใช้กฎหมายอยู่ใกล้ชิด ซึ่งทุกวันนี้ก็มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างใกล้ชิด