ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เผยตัวเลขผลประกอบการปี 2561 ขยายตัวได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ พร้อมประกาศแผนงานปี 2562 ขยายตัวต่อเนื่อง เน้นรุกตลาดแนวราบ ตั้งเป้าขึ้นเป็นผู้ประกอบการแนวหน้าของตลาด หลังมองเห็นกำลังซื้อ Real Demand ชัดเจน และมีปัจจัยสนับสนุนจากการขยายโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐ เตรียมทุ่มงบซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท พร้อมเปิดตัว 8-10 โครงการใหม่บนทำเลศักยภาพสูง รองรับการขยายตัวของเมืองทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ยึด กลยุทธ์ Lifestyle Marketing เจาะกลุ่มลูกค้า นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN)ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากว่า 30 ปีกล่าวว่า ในปี 2561 ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย มีการขยายตัวได้จากปีก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมที่คาดว่าทั้งปีจะขยายตัวได้ 4.0-4.3% ตัวเลขการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนผลบวกจากการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ โดยเฉพาะด้านคมนาคมที่ขยายเส้นทางรองรับการขยายตัวของเมือง ทั้งโครงการที่ดำเนินการแล้วเสร็จและอยู่ระหว่างการก่อสร้าง รวมทั้งโครงการที่อยู่ในแผนแม่บท ทำให้เกิดทำเลใหม่ๆ ของโครงการที่อยู่อาศัย โดยในปี 2561บริษัทมีการเปิดตัวโครงการใหม่ไปทั้งสิ้น 7 โครงการ ทำยอดขาย และยอดรับรู้ได้สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ มีกำลังซื้อหลักจากกลุ่ม real demand ที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง มีทั้งกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่และกลุ่มคนวัยทำงาน สำหรับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 จะเป็นปีสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นมืออาชีพอย่างแท้จริง มองว่าตลาดโดยรวมยังคงเติบโตได้ แต่อาจเติบโตในอัตราที่ชะลอลง แม้เศรษฐกิจโดยรวมน่าจะขยายตัวได้จากปี 2561 ประมาณ 4.0-4.3% ประกอบกับปัจจัยบวกจากการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงไตรมาสแรกของปี ตลอดจนการลงทุนของภาครัฐที่เป็นงบผูกพันต่อเนื่องมาจากปีก่อนหน้า อย่างไรก็ดีในปี 2562มีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่อาจเข้ามากระทบ ไม่ว่าจะความเสี่ยงจากการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก ความเสี่ยงจากสงครามทางการค้า ความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย ตลอดจนความเสี่ยงจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการควบคุม LTV ของธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นต้น ความเสี่ยงเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยในปี 2562 ได้ ขณะที่เกณฑ์ LTV ใหม่ที่จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ นั้น ในแง่ของบริษัทเน้นทำตลาดในกลุ่ม Real Demand และลูกค้าส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่ซื้อบ้านหลังแรก ดังนั้นจึงได้รับผลกระทบจากมาตรการดังกล่าวไม่มาก ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2562 นี้ จะให้ความสำคัญกับตลาดที่อยู่อาศัยในกลุ่มทาวน์โฮม บ้านแนวคิดใหม่ และบ้านเดี่ยว โดยมีแผนขยายโครงการใหม่ทั้งสิ้น 8-10 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 5,300 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 4,650 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นประมาณ 15% จากปี 2561 นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN)กล่าวว่า แผนงานด้านการตลาดในปีนี้ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จะดำเนินธุรกิจเชิงรุก แสดงศักยภาพขององค์กรต้นแบบผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างยั่งยืน ยาวนานกว่า 30 ปี รวมถึงการสร้างศักยภาพองค์กรให้เติบโตในตลาดทุนอสังหาริมทรัพย์อย่างมั่นคง โดยในปีนี้ บริษัทวางเป้าหมายขึ้นเป็นผู้ประกอบการแนวหน้าของตลาด ภายใต้โครงการมิกซ์ยูส แบรนด์ ลลิล ทาวน์ ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวและทาวน์โฮม ภายใต้ทำเลยุทธศาสตร์ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว และแหล่งงานสำคัญ มูลค่ารวมประมาณ 4,000-4,500 ล้านบาท โดยวางกลยุทย์การตลาด ภายใต้แนวคิด The Urban Destination For Living สร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มอายุ 25-40 ปี ในขณะที่ยังรักษาฐานลูกค้าเก่าของลลิล และถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อต่อยอด Brand Loyalty ทั้งนี้ในส่วนของการพัฒนาบ้านให้ตอบโจทย์ในยุค 4.0 ความทันสมัย และการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่แท้จริงคือ แนวคิดของบ้านที่บริษัทพัฒนาในรูปแบบ ลลิล เพอร์เซอร์นัลไลซ์ สไตล์ที่สามารถออกแบบและปรับฟังก์ชั่น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานทุกความต้องการของลูกค้า การอยู่ร่วมกันทั้งแบบครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขยาย อีกทั้งยังมีการใช้แนวคิด Eco Green ในการออกแบบและเลือกใช้วัสดุในโครงการ รวมถึงเน้นเรื่องการมีบริการหลังการขายในรูปแบบ Lalin 4.0 Connectivity ที่ลูกค้าสามารถรับทราบข่าวสารข้อมูล สื่อสารกับลลิล แบบทูเวย์คอมมิวนิเคชั่นอย่างรวดเร็วผ่าน Line@ LalinSociety ทั้งหมดคือการต่อยอดมาตรฐานของลลิลที่มุ่งเน้นเรื่อง Quality of Living ที่ให้กับลูกค้าของโครงการ ทั้งนี้บริษัทฯ วางงบประมาณด้านการตลาดปีนี้ประมาณ 3-4% ขณะที่การลงทุน บริษัทวางงบซื้อที่ดินไว้ที่ประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่มาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่ได้มาจากการโอนโครงการต่างๆ และอีกส่วนจากการออกหุ้นกู้ ซึ่งจะพิจารณาออกในจำนวนและช่วงเวลาที่เหมาะสม เพื่อให้สอดรับกับการขยายธุรกิจ และการเติบโตในระยะยาวของบริษัททั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio)ของบริษัทในปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอยู่มาก ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงทางด้านการเงินที่ต่ำ และยังคงมีศักยภาพในการขยายธุรกิจได้อีกมากโดยไม่ติดปัญหาเรื่องของแหล่งเงินทุน ทั้งนี้ในปีที่ผ่านมา ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้แนวคิด “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” ได้รับรางวัลจดทะเบียนด้านผลการดำเนินงานยอดเยี่ยม Best Company Performance Awards และรางวัลผู้บริหารสูงสุดดีเด่น Best CEO Awards จากงาน SET Awards 2018 รางวัลที่การันตีคุณภาพการบริหารงานยอดเยี่ยมระดับประเทศ สะท้อนความมุ่งมั่นของลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ในการสร้างมาตรฐานการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตลอดระยะเวลา 30 ปี และความเป็นมืออาชีพของการบริหารงานอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะตลาดเรียล ดีมานด์ ตอบสนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยจริง โดยมีผลประกอบที่เติบโตต่อเนื่อง และยั่งยืน