บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) ผนึก บริษัท ฤทธา จำกัด และ บริษัท เมตริก วิศวกรที่ปรึกษา และสถาปนิก จำกัด สร้าง “โรงงานแห่งอนาคต” ด้วยงบลงทุนกว่า 2,464  ล้านบาท ครบครันด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำ ปักธงยกระดับประสิทธิภาพด้วยระบบการผลิตที่ทันสมัย รองรับการเติบโตของกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน และตอบสนองความต้องการของตลาดที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าแล้วเสร็จเฟสแรกปลายปี 2569  

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 นายสุทธิเดช ถกลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นีโอ คอร์ปอเรท จำกัด (มหาชน) และ บริษัท นีโอ แฟคทอรี่ จำกัด กล่าวว่า “นีโอ มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมในตลาด FMCG ของไทยและเอเชีย ด้วยการพัฒนาสินค้าเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การลงทุนขยายโรงงานครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญในการยกระดับการผลิตภายใต้กลยุทธ์ “Efficient Supply Chain” เสริมศักยภาพการแข่งขันและรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต โดยวางงบลงทุนตามแผนการขยายโรงงานกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือนสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก อยู่ที่ ประมาณ 2,464 ล้านบาท มุ่งพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้ในครัวเรือน เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผ้า (Fabric Care) และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นผิวภายในบ้าน (Home Cleaning) รวมถึงในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็ก (Baby & Kids) ให้สอดคล้องกับตลาดที่เติบโตขึ้น ทั้งหมดนี้ดำเนินการตามมาตรฐานคุณภาพ ความปลอดภัย และหลัก ESG เพื่อสร้างความยั่งยืนให้กับธุรกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

นายปณิธาน เทพนิกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฤทธา จำกัด กล่าวเสริมว่า “การร่วมมือกับนีโอและเมตริกในโครงการนี้ จะประสานประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในด้านวิศวกรรมและก่อสร้างของฤทธาในการพัฒนาโรงงานที่รองรับระบบการผลิตที่ทันสมัย การจัดการห่วงโซ่อุปทาน และเทคโนโลยีการผลิตเฉพาะทาง โดยมุ่งเน้นประสิทธิภาพสูงสุด ตอบโจทย์ความต้องการของนีโอทั้งในการเพิ่มกำลังการผลิต บรรลุเป้าหมายในการเติบโตอย่างยั่งยืน และสร้างความแข็งแกร่งให้กับอุตสาหกรรม FMCG ของไทย”

นายณรงค์ฤทธ กุศลมนิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมตริก วิศวกรที่ปรึกษา และสถาปนิก จำกัด กล่าวว่า “เมตริกมีความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ ซึ่งเราได้นำความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและสถาปัตยกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการออกแบบอาคารประหยัดพลังงาน และการใช้เทคโนโลยี BIM มาใช้ในการออกแบบและก่อสร้างโรงงานแห่งนี้ให้มีความทันสมัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และสอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อให้เป็นโรงงานต้นแบบที่ผสานนวัตกรรมและความยั่งยืนเข้าไว้ด้วยกัน ตลอดจนส่งเสริมการเติบโตของนีโอในระยะยาว”

โดยโครงการขยายโรงงานแห่งนี้ จะใช้เวลาก่อสร้าง 36 เดือน แบ่งเป็น 2 เฟส เฟสแรกจะเริ่มก่อสร้างในเดือน กุมภาพันธ์ 2568  ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่โรงงานในปัจจุบันของนีโอ ในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 71,307 ตารางเมตร บทพื้นที่กว่า 16  ไร่  และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนพฤศจิกายน 2569 ส่วนเฟสที่สองจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ตุลาคม 2569  และคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนเมษายน 2571 ใช้งบประมาณลงทุนในการออกแบบและก่อสร้างประมาณ 2,464 ล้านบาท คาดว่าโครงการดังกล่าวสามารถรองรับกำลังการผลิตสินค้ากลุ่มของใช้ในครัวเรือนซึ่งรวมถึงกลุ่มผลิตภัณฑ์ของใช้สำหรับเด็กอย่างน้อย 359,086 ตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 215,318  ตันต่อปี เพิ่มขึ้นจากเดิมกว่า 67% นอกจากนี้ การแบ่งการขยายออกเป็น 2 เฟส ยังช่วยลดภาระทางการเงิน และส่งผลดีต่อการงบการเงินรวมของบริษัทอีกด้วย

สำหรับการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างการเติบโตของรายได้ พรั่งพร้อมด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย เช่น เครื่องผสม (Mixing Machine) ที่เพิ่มประสิทธิภาพและลดของเสียในกระบวนการผลิต ประหยัดพลังงาน รวมถึงระบบการจัดการพลังงานและการใช้น้ำที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 14001 การรับรองอุตสาหกรรมสีเขียว (Green Industry) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม และมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (Eco Factory) จากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นอกจากนี้ยังช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจในพื้นที่ทั้งทางตรงและทางอ้อม ก่อให้เกิดการจ้างงานทั้งในส่วนการก่อสร้าง การจ้างงานในโรงงานเมื่อเปิดดำเนินการ และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชนโดยรอบ