เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 18 ก.พ. 68 ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ว่าจากการรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจในไตรมาสสี่ของปี 2567 เติบโตขึ้นเกือบทุกมิติ แต่ภาคลงทุนของเอกชนหดตัว ปัจจัยที่สำคัญเช่นเอสเอ็มอีที่มีสัดส่วนมากมีถึง 75 เปอร์เซ็นต์ของประเทศ แต่ธนาคารพาณิชย์มีการปล่อยสินเชื่อน้อย การปล่อยสินเชื่อจะช่วยเอสเอ็มอีได้อย่างมาก เพราะระยะเวลาเป็น 10 ปีการพัฒนาธุรกิจต่างๆของภาคเอกชนรถน้อยลง บางอุตสาหกรรมที่เก่าไปแล้ว ไม่ได้รับเงินสินเชื่อในการพัฒนา ภาครัฐพยายามทำทุกเรื่อง เพื่อสนับสนุนการกระตุ้นเศรษฐกิจ และกระตุ้นให้ภาคเอกชนมีการลงทุนเพิ่มเติมมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน เพราะอย่างตอนนี้เงินเฟ้อยังต่ำอยู่ ถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องร่วมมือกัน ขอให้นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และรมว.การคลัง ที่ดูเรื่องของการคลัง ประสานการทำงานกับธนาคารแห่งประเทศไทยอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาเรื่องนี้ ทุกส่วนมีส่วนสำคัญอย่างมาก ทำอยู่ฝั่งเดียวไม่ได้ต้องช่วยกัน

 

เมื่อถามว่า รัฐบาลตั้งเป้าจีดีพีปี 68 รัฐบาล 3.5 เปอร์เซ็นต์ แต่สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังค มแห่งชาติ (สศช.) ประเมินว่าจะได้เพียง 2.8 เปอร์เซ็นต์ จะทำอย่างไรเพิ่มเติม เพื่อให้เป็นไปตามเป้าของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า สิ่งที่พูดไปเรื่องของสินเชื่อ รัฐบาลต้องคุยกับธนาคารแห่งประเทศไทยเพื่อร่วมมือกัน รัฐบาลพยามกระตุ้นเศรษฐกิจหลายอย่าง ตอนนี้จะเห็นว่าเอกชนที่ทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับการท่องเที่ยวต่างๆ ธุรกิจของเขาไม่ได้ถูกพัฒนา มีปัญหาเรื่องสินเชื่อ ทำให้สถานที่ไม่ถูกพัฒนา ซึ่งจากการลงพื้นที่มีอีกหลายที่ที่มีศักยภาพ  เราเน้นย้ำเสมอว่า การท่องเที่ยวไม่ใช่แค่เมืองหลัก เมืองรองก็สำคัญเช่นกัน เป็นสิ่งที่รัฐบาลต้องทำต่อ นอกจากพัฒนาในเรื่องการท่องเที่ยวแล้ว เรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายแล้ว ภาคเอกชนต้องดูด้วยว่า การจะลงทุนเพิ่มในระบบทำอย่างไรได้บ้างก็ต้องย้อนกลับมาเรื่องการเงินที่ต้องทำเรื่องสินเชื่อ

 

เมื่อถามว่า จีดีพีของเรายังรั้งท้ายในกลุ่มอาเซียน มาตรการที่วางไว้จะทำให้จีดีพีปีนี้ขยับขึ้นไปได้มากน้อยแค่ไหน นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ตั้งเป้าไว้ 3 เปอร์เซ็นต์และพยายามดันให้ไป 3.5 เปอร์เซ็นต์ เราจะพยายามตั้งเป้าให้มากกว่านั้น เรามั่นใจว่าในเดือนที่เหลือของปีนี้ เราจะผลักดันอย่างเต็มที่ และรวมถึงการพูดคุยกับธนาคารพาณิชย์ และธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นสิ่งที่สำคัญที่เราต้องร่วมมือกัน

 

เมื่อถามว่า ปัจจัยหลักที่จะกระตุ้นให้จีดีพีสูงขึ้น นอกจากการท่องเที่ยวมีเรื่องอื่นหรือไม่ น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า การลงทุนจากต่างประเทศ จากที่ตนไปพบปะกับต่างประเทศ เราต้องดึงการลงทุน ซึ่งเศรษฐกิจแย่มาพักใหญ่แล้ว ฉะนั้นการผลักดันทุกส่วนสำคัญมาก เราไม่สามารถทำหนึ่งอย่าง แล้วเศรษฐกิจจะดีขึ้นทันที่ เราจะต้องช่วยกันนโยบายภาครัฐ จึงไม่ได้ออกมาแค่หนึ่งนโยบายเพื่อทำให้จีดีพีกระตุ้น เราทุกกระทรวงต้องทำเช่นกัน เอกชนต้องช่วยด้วยทุกภาคส่วนจริงๆ มันไม่ใช่ปัญหาที่เกิดขึ้น เมื่อวานนี้ หรือเมื่อปีสองปีที่แล้ว แต่เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ฉะนั้นต้องช่วยกันทุกฝ่าย 

 

เมื่อถามย้ำว่า จากการลงพื้นที่ประชาชนสะท้อนกิจกรรมของแต่ละท้องถิ่นซึ่งมีเสน่ห์ แต่ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าทำแบบชั่วครั้งชั่วคราว ตรงนี้จะกระตุ้นผู้ว่าราชการจังหวัดอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า หลายพื้นที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ในท้องถิ่น ความจริงแล้วผู้ว่าฯทุกจังหวัดที่ไปมีความพร้อมในการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้กับประชาชน อย่างวันที่ 17 ก.พ. ที่ตนไปเดินมาเอง ชาวบ้านอยากได้เรื่องไฟฟ้า ซึ่งกระทรวงมหาดไทยก็รับไปดูแล ซึ่งก็มีชุมชนที่เข้มแข็งอยากแนะนำให้ประชาชนคุยกับผู้ว่าฯ และส่วนท้องถิ่นสามารถดำเนินการได้ เพราะรัฐบาลให้อำนาจกับท้องถิ่นในการพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง นโยบายต่างๆในจังหวัดภาคใต้ที่มาวันนี้ จะผลักดันอย่างเต็มที่ ประชาชนที่ได้พบเจอระหว่างลงพื้นที่ขอให้สบายใจ เรากำลังทำทุกอย่าง อย่างเต็มที่ เพราะฉะนั้นก็ร่วมมือกันทุกฝ่าย ช่วยกันผลักดันเศรษฐกิจของประเทศไทยไปพร้อมๆกัน