วันที่ 18 ก.พ.2568 เวลา 08.45 น. ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตถึงการใช้งบประมาณของสำนักงานประกันสังคมแห่งชาติ ฟุ่มเฟือยไปดูงานต่างประเทศ จัดทำปฏิทิน 400 ล้านบาทว่า การไปดูงานมีหลักปฏิบัติของแต่ละกระทรวงอยู่แล้วว่า ผู้บริหารระดับไหนจะนั่งชั้นไหน ตนคิดว่าเป็นเรื่องปฏิบัติกันตามปกติ หากเป็นเจ้ากระทรวงระดับรัฐมนตรีว่าการ และสำนักปลัดกระทรวงก็จะเป็นที่นั่งระดับ Firast Class ให้อยู่แล้ว หรือหากเป็นระดับปลัดกระทรวง และอธิบดีชั้น Business อยู่แล้ว การจะเอาเรื่องหยุมหยิมพวกนี้มาโจมตีผ่านสื่อ ส่วนตัวรู้สึกเฉย ๆ ไม่ได้เดือดร้อนหรือกังวล เพราะสามารถอธิบายได้
ส่วนเรื่องบอร์ดประกันสังคมที่เดินทางต้องดู ว่าบอร์ดในแต่ละบอร์ดมีระดับที่นั่งในคลาสไหน หลักปฎิบัติมีให้อยู่แล้ว ในส่วนที่มีการเดินทาง ไม่ใช่ว่ากรรมการในบอร์ดจะมีพรรคใดพรรคหนึ่ง เมื่ออยู่ในบอร์ดมีเกือบทุกพรรค โดยเฉพาะที่อยู่ในกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร ก็มีองค์ประกอบทั้งฝ่ายค้าน และฝ่ายรัฐบาลรวมอยู่ด้วย แต่หากอยู่ในบอร์ดประกันสังคมปัจจุบันมาจากการเลือกตั้ง เป็นฝ่ายนายจ้าง 7 คน ลูกจ้าง 7 คน และมีภาครัฐอีก 7 คน ซึ่งลูกจ้างหรือนายจ้างภายในสังกัดหรืออยู่ในกลุ่มไหน เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เพราะฉะนั้น ไม่กังวลในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้ประกันตนเริ่มกังวลว่า การบริหารงบประมาณของประกันสังคมที่เป็นงบก้อนใหญ่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ด้วยหลักเกณฑ์ของประกันสังคมสามารถหยิบเงินของประกันสังคมมาเพื่อการบริหารจัดการเพื่อการประชาสัมพันธ์ได้ 10% แต่ขณะนี้ประกันสังคมใช้เพียง 3% คนที่ออกมาพูดต้องดูหลักเกณฑ์ด้วยว่า เขาให้ไว้อย่างไร การที่ประกันสังคมนำมาใช้ 3% คิดว่าพยายามประหยัดงบประมาณให้กับ ผู้ประกันตนทั้ง 3 มาตรา 33, 39, และมาตรา 40
เมื่อถามถึงการจัดทำปฏิทินกว่า 400 ล้านบาท นายพิพัฒน์ กล่าวว่า งบประมาณดังกล่าวเป็นการจัดทำปฏิทิน ระยะเวลา 8 ปีไม่ใช่ปีเดียว ดังนั้น การพูดอะไรที่เป็นการเหมารวม และตีขลุม ขอให้มีจรรยาบรรณในการพูด การที่พูดจั่วหัวขึ้นมาว่า 400 กว่าล้านบาท เชื่อว่าผู้พูดมีเจตนาไม่ดี ส่วนตัวไม่เคยออกมาตอบโต้ แต่วันนี้ได้จังหวะมาประชุมครม.สัญจร ที่จังหวัดสงขลาซึ่งเป็นบ้านของตนเองจึงถือโอกาส ขอพูดให้กับสื่อมวลชนและผู้ประกันตนทั้งประเทศได้ทราบว่าประกันสังคมมีมาตรฐานในการใช้งบประมาณอย่างประหยัด
เมื่อถามถึงกรณีเรื่องสายด่วนโทรไปไม่เคยมีคนรับ นายพิพัฒน์ ย้อนถามว่า โทรฯ ไปกี่ครั้ง อาจจะติดสายอยู่ก็ได้ เพราะช่วงเวลาที่มีความเดือดร้อนทุกคนก็พยายามโทรเข้าไป เมื่อไม่มีการรับสายก็คิดว่าไม่รับสาย แต่อาจจะเป็นสายซ้อน ซึ่งจะมีการแจ้งในสายอยู่แล้วว่าโปรดรอสักครู่ อย่าว่าแต่ประกันสังคมเลย ศูนย์ Call Center ที่เป็นศูนย์รวมเป็นลักษณะเดียวกัน เพราะมีช่วงเวลาที่สายแน่นมาก อาจทำให้ไม่สามารถโทรศัพท์เข้าไปแล้วรับเลยได้ ถ้าโทรแล้วรับทันทีจะถือว่าเป็นจังหวะว่าง
โดยทั่วไปจะมีผู้ประกันตนทั้งหมด 25 ล้านคน ในขณะที่ผู้ให้บริการสายด่วน 300 คู่สาย การโทรไปแล้วรับทันทีถือว่า โชคดีมาก ๆ บางครั้งต้องขออภัย ขอให้ผู้ประกันตนทั้งสามมาตราสบายใจได้ว่าประกันสังคมทำทุกสิ่งทุกอย่างโปร่งใส ที่สำคัญบอร์ดไม่มีใครเลือกหรือสรรหามา แต่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น คนออกมาให้ข่าวกรุณาทบทวนตัวเองว่าสิ่งที่พูดออกมามีข้อเท็จจริงอย่างไร และตนเองไม่มีปัญหา จะมาพบที่กระทรวงก็ได้ หรือจะทวงถามในสภาฯก็พร้อมที่จะตอบ หรือจะใช้ไปอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ยินดีที่จะตอบคำถามทุกคำถาม เพราะมั่นใจว่ากระทรวงแรงงานและสำนักงานประกันสังคมของเรามีความโปร่งใส
นายพิพัฒน์ กล่าวว่า งบประมาณจัดทำปฏิทินปีละ 50 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่เหมาะสม เพราะเกษตรกร 12 ล้านคน อยู่ในพื้นที่ชุมชนชนบทการที่จะสื่อสารผ่านโซเชียลบางครั้งอาจจะไม่ได้ จึงต้องอำนวยความสะดวกในการประชาสัมพันธ์ทางปฏิทิน ดังนั้น การใช้ปฏิทินยังมีคุณค่าสำหรับคนบางกลุ่ม แต่สำหรับคนบางกลุ่ม อาจไม่มีความจำเป็นแต่บางกลุ่มมีความจำเป็น