Krungthai GLOBAL MARKETS เผยค่าเงินบาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 33.70 บาทต่อดอลลาร์ “ทรงตัว ไม่เปลี่ยนแปลง” จากระดับปิดวันที่ผ่านมา

เมื่อวันที่ 18 ก.พ.68 นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ผ่านมา เงินบาท (USDTHB) เคลื่อนไหวในลักษณะ Sideways (แกว่งตัวในกรอบ 33.67-33.75 บาทต่อดอลลาร์) เนื่องจากเป็นวันหยุดทำการของตลาดการเงินสหรัฐฯ เนื่องในวันประธานาธิบดี (Presidents’ Day) ส่งผลให้ปริมาณการทำธุรกรรมในตลาดการเงินเบาบางลงจากช่วงปกติ อย่างไรก็ดี ภาวะเปิดรับความเสี่ยงของตลาดหุ้นยุโรป ยังพอช่วยหนุนให้บรรดาสกุลเงินฝั่งยุโรป โดยเฉพาะเงินปอนด์อังกฤษ (GBP) ต่างทยอยแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้เงินดอลลาร์ย่อตัวลงบ้าง ทั้งนี้ ผู้เล่นในตลาดต่างรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม ก่อนที่จะปรับสถานะถือครองสินทรัพย์ที่ชัดเจนต่อไป 

แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปิดทำการเนื่องในวันหยุด Presidents’ Day แต่หากประเมินแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผ่านสัญญาฟิวเจอร์สดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่สามารถปรับตัวขึ้นได้ไม่เกิน +0.2% อาจสะท้อนว่า บรรดาผู้เล่นในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงไม่กล้าเปิดรับความเสี่ยงเพิ่มเติมมากนัก เพื่อรอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม 

ทางฝั่งตลาดหุ้นยุโรป ดัชนี STOXX600 ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง +0.54% นำโดยบรรดาหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมทหารและการบิน อาทิ BAE +9.0% หลังผู้เล่นในตลาดประเมินว่า สหภาพยุโรป โดยเฉพาะบรรดาชาติสมาชิก NATO อาจต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมมากขึ้น ตามคำเรียกร้องของรัฐบาลสหรัฐฯ  

ทางด้านตลาดค่าเงิน เงินดอลลาร์เคลื่อนไหวอ่อนค่าลงเล็กน้อย ในลักษณะ Sideways Down ตามการทยอยแข็งค่าขึ้นของบรรดสกุลเงินหลัก โดยเฉพาะสกุลเงินฝั่งยุโรป อาทิ เงินปอนด์อังกฤษ (GBP) หนุนโดยบรรยากาศเปิดรับความเสี่ยงของตลาดการเงินยุโรป ทำให้โดยรวมเงินดอลลาร์ย่อตัวลงสู่โซน 106.7 จุด (แกว่งตัวในกรอบ 106.7-106.9 จุด) ในส่วนของราคาทองคำ เนื่องจากเป็นช่วงวันหยุดของตลาดการเงินสหรัฐฯ อีกทั้งผู้เล่นในตลาดต่างก็รอรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติมทำให้โดยรวม ราคาทองคำ (สัญญาทองคำตลาด COMEX ส่งมอบเดือน เม.ย. 2025) ยังคงแกว่งตัวในโซน 2,910-2,920 ดอลลาร์ต่อออนซ์  

สำหรับในช่วง 24 ชั่วโมงหลังจากนี้ ในฝั่งยุโรป ผู้เล่นในตลาดจะรอติดตามรายงานข้อมูลตลาดแรงงานอังกฤษ โดยเฉพาะในส่วนของอัตราการเติบโตของค่าจ้าง รวมถึงถ้อยแถลงของผู้ว่าฯ ธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) เพื่อประเมินแนวโน้มการปรับดอกเบี้ยนโยบายของ BOE โดยล่าสุด ผู้เล่นในตลาดประเมินว่า BOE มีโอกาสราว 35% ที่จะเดินหน้าลดดอกเบี้ยเพิ่มเติมอีก 3 ครั้ง หรือ 75bps ในปีนี้ นอกจากนี้ ผู้เล่นในตลาดจะรอจับตา รายงานดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีและยูโรโซน (ZEW Economic Sentiment) ในเดือนกุมภาพันธ์  

ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ผู้เล่นในตลาดจะรอประเมินแนวโน้มภาคการผลิตอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ ผ่านรายงานดัชนีภาคการผลิตโดยเฟด สาขานิวยอร์ก (NY Fed Empire State Manufacturing Index) พร้อมทั้งรอติดตามถ้อยแถลงของบรรดาเจ้าหน้าที่เฟด เพื่อประกอบการประเมินแนวโน้มการปรับลดดอกเบี้ยของเฟดในปีนี้ ซึ่งล่าสุด ผู้เล่นในตลาดคาดว่า เฟดมีโอกาสราว 62% ที่จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้ง หรือ 50bps ในปีนี้ 

และในฝั่งเอเชีย ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้นผลการประชุมธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) โดยบรรดานักวิเคราะห์และผู้เล่นในตลาดต่างประเมินว่า RBA อาจลดดอกเบี้ยลง 25bps สู่ระดับ 4.10% ตามแนวโน้มการชะลอตัวลงของกิจกรรมทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ส่วนในช่วงราว 6.50 น. ของเช้าวันที่ 19 กุมภาพันธ์ ตามเวลาประเทศไทยนั้น ผู้เล่นในตลาดจะรอลุ้น รายงานยอดการค้าระหว่างประเทศ (Exports & Imports) ของญี่ปุ่น ในเดือนมกราคม  

สำหรับ แนวโน้มของค่าเงินบาท เรามองว่า เงินบาทอาจแกว่งตัวในกรอบ Sideways ไปก่อน จนกว่าตลาดจะรับรู้ปัจจัยใหม่ๆ เพิ่มเติม อย่างไรก็ดี เรามองว่า ควรระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีภาคการผลิตโดยเฟดสาขานิวยอร์ก (NY Fed Empire State Manufacturing Index) ในช่วงราว 20.30 น. ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากสถิติย้อนหลัง 1 ปี สะท้อนว่า เงินบาท (USDTHB) อาจแกว่งตัวเกิน +/-0.20% ได้ภายในช่วง 30 นาที หลังทยอยรับรู้รายงานข้อมูลดังกล่าว 

ทั้งนี้ ในช่วงระยะสั้น เรามองว่า การเคลื่อนไหวของราคาทองคำก็อาจส่งผลกระทบต่อเงินบาทได้เช่นกัน ทำให้ยังคงต้องติดตามทิศทางราคาทองคำ ซึ่งเราคงประเมินว่า ราคาทองคำมีความเสี่ยงที่จะเข้าสู่ช่วงการพักฐาน หรือย่อตัวได้บ้างในช่วงนี้ โดยเฉพาะ หากผู้เล่นในตลาดคลายกังวลปัจจัยเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และความเสี่ยงจากนโยบายกีดกันทางการค้าของรัฐบาล Trump 2.0 นอกจากนี้ เรามองว่า ควรจับตาทิศทางฟันด์โฟลว์นักลงทุนต่างชาติ ที่อาจทยอยเข้าซื้อสินทรัพย์ไทย อย่าง หุ้นไทยได้บ้าง หลังในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จนทำให้เริ่มเห็นหุ้นที่มีความน่าสนใจทั้งในเชิงปัจจัยพื้นฐานและเชิง Valuation ที่ถูกลง มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น 

ท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง โดยเฉพาะในช่วงปีหน้าที่จะเผชิญกับ Trump’s Uncertainty ทำให้เรายังคงแนะนำว่า ผู้เล่นในตลาดควรใช้กลยุทธ์ในการปิดความเสี่ยงที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งการใช้เครื่องมือเช่น Options หรือ สกุลเงินท้องถิ่น ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปิดความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ มองกรอบเงินบาทในช่วง 24 ชั่วโมง คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 33.65-33.90 บาท/ดอลลาร์ (ระวังความผันผวนในช่วงตลาดทยอยรับรู้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ)

#กรุงไทย #เงินบาท #เงินตรา #ข่าววันนี้ #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์