กรรมติดจรวด!! "สาวอุดร" เดินทางไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชาหลังกลับไทยตำรวจออกจับตามหมายเพื่อดำเนินคดีที่ จ.น่าน พร้อมเปิดใจผ่านกับนักข่าว ยอมรับชะตากรรม เดินทางไปทำงานไม่ได้เต็มใจแต่มีความจำเป็นต้องหาเงินเลี้ยงชีพ ยอมรับไปทำหน้าที่หลอกลวงทางแชทข้อความปลอมเป็นหญิงสาวสวยหลอกหนุ่ม

วันที่ 17 ก.พ.68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี น.ส.บุษรา หรือโบ๊ท ชาวบ้าน ต.โพนสูง อ.ไชยวาน จ.อุดรธานีอายุ 18 ปี ไปทำงานอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่เมืองปอยเปต ประเทศกัมพูชา และโทรศัพท์กลับมาร้องไห้ขอความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่ไทยว่า อยากจะกลับบ้านแต่กลัวว่าจะติดคุกเพราะมีหมายจับ อีกทั้งตอนนี้กลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์บอกว่าต้องจ่ายเงิน 1,000 ดอลลาร์ ถึงจะยอมปล่อยตัว ตามที่นำเสนอข่าวไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 น.ส.บุษรา หรือโบ๊ท ได้เดินทางกลับมาเองโดยญาติไม่ต้องจ่ายกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ล่าสุดหลัง น.ส.บุษรา หรือโบ๊ท เดินกลับมาเองเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา (4-5 วันก่อน) พ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภ.ไชยวาน พร้อมตร.ชุดสืบสวน เดินทางไปที่บ้านนพเก้า หมู่ 10 ต.โพนสูง อ.ไชยวาน จ.อุดรธานี เพื่อจับกุมตัว น.ส.บุษรา หรือโบ๊ท ตามหมายจับของศาลเยาวชน จ.น่าน และพาตัวมาบันทึกก่อนส่งตัวให้สถานีตำรวจพื้นที่ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย

น.ส.บุษรา หรือโบ๊ท เล่าให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฟังว่า ตนไปทำงานที่นั้นตนไม่ได้เต็มใจจะอยากไปทำงานร่วมกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์เลย สาเหตุที่ไปเพราะตนถูกหลอกให้ไป ตอนแรกพี่รู้จักกันเขาบอกว่าจะพาไปทำงานที่บาร์ จังหวัดชลบุรี แต่มารู้อีกทีก็ข้ามประเทศไปแล้ว เท่าที่จำได้ข้ามไปที่ปอยเปต ประมาณช่วงเดือน พ.ย.67 ที่ตนทำงานนั้นมีคนไทยประมาณ 200 กว่าคน เมื่อไปถึงหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ให้ทำหน้าที่หาเหยื่อโดยคุยหลอกลวงทางแชทข้อความทั้งไลน์และเฟซบุ๊ก โดยปลอมเป็นหญิงสาวสวยๆ เคยโกหกหาข้อมูลแบล็คเมล์ ซึ่งข้อความนั้นก็จะคุยหาเหยื่อแต่ผู้ชายและคุยเรื่อง 18 บวก เท่าที่จำได้ตนเคยหลอก ผู้เสียหายที่จำหน่ายอะไหล่รถยนต์โดยตอนนั้นได้เงินมาประมาณ 50,000 บาท

ที่ตนออกมาและกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเพราะหลังจากที่ตนขอความช่วยเหลือขอกลับมาบ้าน พวกกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์เห็นข่าวที่ตนผ่านสื่อมวลชนไปไปเมื่อวันที่ 4 ก.พ.68 ที่ผ่านมา พวกเขาจึงปล่อยให้ตนออกมา ตั้งแต่ตนไปทำงานที่นั่นไม่เคยถูกทำร้ายร่างกายแต่เคยถูกลงโทษโดยการให้วิ่งขึ้นลงบันได 3 รอบ ตั้งแต่ชั้น 1 ถึงชั้น 10  ซึ่งเหตุผลที่เขาทำโทษนั้นก็เนื่องจากทำยอดไม่ถึง ส่วนค่าตอบแทนที่ได้เขาให้เดือนละ 17,000 บาท แต่ก็ถูกหักไม่รู้ว่าหักอะไรบ้างหักจนหมดหักจนไม่เหลืออะไรจึงอยากกลับมาบ้าน “ตอนนี้กลับมาบ้านได้ยังรู้สึกกังวลเพราะกลัวแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะกลับมาทำร้าย เนื่องจากก่อนที่จะกลับมากลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์ได้เอาโทรศัพท์ตนเองไปโดยคิดว่าเขาน่าจะจับสัญญาณ GPS ติดตามตนได้

น.ส.บุษรา หรือโบ๊ท เล่าต่ออีกว่า หัวหน้าบงการแก๊งคอลเซ็นเตอร์นั้นเป็นเท่าที่รู้เป็นคนจีนแต่จะมีคนไทยคอยเป็นผู้จัดการอีกครั้งหนึ่ง สำหรับคนที่ทำงานไม่ได้นั้นก็จะถูกทำร้ายร่างกายบนดอยทั้งทำร้ายร่างกายทุบตีและใช้ไฟฟ้าช็อตมีเยอะมาก

ทางด้านพ.ต.อ.รัฐพลชัย เพ็ญสงคราม ผกก.สภ.ไชยวาน เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความไว้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.นาหมื่น จังหวัดน่านว่า ได้โอนเงินให้กับน.ส.บุษรา หรือโบ๊ท ซึ่งเป็นบัญชีม้า เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงขออนุมัติศาลออกหมายจับและดำเนินการจับกุมตามหมายศาล หลังจากนี้เราจะประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ. นาหมื่น มารับตัวอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 ก.พ.67 ที่ผ่านมา