“นฤมล”มั่นใจ หลังสั่ง Set Zero ทุเรียนไทยไร้สารปนเปื้อน คาดปี 68 ยังครองส่วนแบ่งตลาดในจีน 57% พร้อมเร่งแก้โรคมือเท้าปากเปื่อยในโค ตั้งเป้าลุยขยายตลาดส่งออกจีน
ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังจากที่ได้เดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า เราได้มีโอกาสพบกับ ดร.ซุน เหมยจุน รัฐมนตรีว่าการสำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (GACC) และได้พูดคุยถึงความคืบหน้าของการแก้ไขปัญหาการส่งออกสินค้าผลไม้จากประเทศไทยไปยังจีนว่า มีการดำเนินการอะไรไปบ้าง เพราะจีนนำเข้าผลไม้จากประเทศไทยเป็นอันดับ 1 และทุเรียนเป็นสินค้าที่นำเข้ามากที่สุด จึงจำเป็นจะต้องดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภค โดยเราส่งออกทุเรียนไปจีนเฉลี่ยปีละ 1.3-1.4 แสนล้านบาท ซึ่งคาดว่าในปี 2568 นี้ไทยจะส่งออกทุเรียนไปจีนมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งทุเรียนไทยยังครองส่วนแบ่งตลาดในจีนถึง 57% และผู้บริโภคจีนยัดงให้การยอมรับทุเรียนไทยมาก
ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า การดูแลผลไม้โดยเฉพาะทุเรียน ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ได้รับรายงานถึงปัญหาในการพบสารปนเปื้อน ตนจึงให้กรมวิชาการเกษตรออกประกาศให้ผู้ประกอบการดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด และเรียกฟรุตบอร์ดสั่งการเร่งด่วนให้ตรวจสอบสาร Basic Yellow 2 (BY2) แคดเมียม และหนอนในสินค้า พร้อมเตรียมความพร้อมของห้องปฏิบัติการตรวจสอบ (แล็บ) ที่จะสามารถตรวจสอบเพื่อยืนยันว่าจะไม่มีสารปนเปื้อนในทุเรียน
“ตอนนั้นมีแล็บที่มีความพร้อม 4-5 รายที่ให้การตรวจสอบได้ แต่ปัจจุบันจำนวนห้องแล็บเริ่มมีจำนวนมากขึ้น พร้อมที่จะให้ตรวจสอบสินค้าได้แล้ว เพราะได้มอบนโยบายให้กับกรมวิชาการเกษตร ในการเร่งตรวจสอบให้มีความเร็วขึ้น และเพิ่มจำนวนแล็บในการรองรับการตรวจสอบ เพราะทุเรียนถือว่าเป็นสินค้าที่สร้างมูลค่าให้กับประเทศกว่าปีละ 100,000 ล้านบาท และเชื่อว่าจะมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง”ศ.ดร.นฤมล กล่าว
ศ.ดร.นฤมล ยังกล่าวต่อด้วยว่า กระทรวงเกษตรฯ มีความพยายามที่จะเปิดตลาดโคเนื้อและโคมีชีวิตไปยังตลาดจีนตั้งแต่ปี 2562 และส่งรายงานให้กับ GACC หน่วยงานของจีน ซึ่งได้มีการสอบถามมายังประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งเราก็ได้มีการรายงานให้ทราบถึงความคืบหน้าว่า ประเทศไทยได้มีการเตรียมพื้นที่ค่ายกักกันโรค สำหรับโคมีชีวิตเพื่อสร้างความมั่นใจว่าโคมีชีวิตจะไม่ติดโรคก่อนที่จะส่งออกไปยังประเทศจีน ซึ่งพื้นที่กักกันเราได้ใช้พื้นที่จังหวัดเชียงราย และเมื่อระยะเวลาในการกักกันครบ มีการตรวจโรค เราจะนำโคมีชีวิตขนส่งผ่านเส้นทางเดินเรือ ล่องแม่น้ำโขงและขึ้นที่ท่าเรือคลองจีน และอีกช่องทาง คือ ผ่านการขนส่งทางรถไฟ จากกรุงเทพฯ-หนองคาย-สปป.ลาว-จีน ซึ่งทางหน่วยงานจีนได้รับทราบและอยู่ระหว่างการประเมินความเสี่ยง และรอความเห็นจากหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯของจีน
“ตอนนี้อยู่ระหว่างรอรับการประเมินผลของจีนว่าจะตอบรับหรือให้ความคิดเห็นอย่างไร เพื่อให้เราสามารถส่งโคเนื้อและโคมีชีวิตไปยังตลาดจีนได้ เพราะต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดจีนมีความต้องการสินค้าดังกล่าวสูงมาก แต่ประเทศไทยยังติดปัญหาประเทศที่อยู่ในลิสต์ของการติดโรคระบาดของมือเท้าปากเปื่อยในสัตว์ ซึ่งการที่จะนำประเทศไทยออกจากลิสต์ เป็นเรื่องที่ยาก แต่ล่าสุดได้มีการประชุม Beef Board เห็นชอบให้เร่งหางบประมาณเพื่อนำวัคซีนฉีดให้สัตว์เพื่อป้องกันโรคได้ 100% ซึ่งที่ผ่านมาวัคซีนป้องกันโรคได้เพียง 50-60% ซึ่งต้องยอมรับว่า งบประมาณที่ได้แต่ละปียังไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงอยู่ระหว่างการผลักดันต่อไป“ศ.ดร.นฤมล กล่าว