ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 19.30 น.ร.ต.อ.ปฐมพงษ์ ชุมมาก รอง สว.สอบสวน สภ.บ้านวิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุพระทะเลาะวิวาทและใช้อาวุธมีดฟันกันจนได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ภายในวัดที่ม.5 ต.ถ้ำสิงห์ อ.เมือง จ.ชุมพร จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ ก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.ท.อิทธิ พินิจกุล สวป.สภ.บ้านวิสัยเหนือ และกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.บ้านวิสัยเหนือ

ในที่เกิดเหตุ ห่างจากถนนสายเอเชีย 41 ประมาณ 3 กม.เจ้าหน้าที่พบกองเลือด ขนาดใหญ่ บนพื้นถนนคอนกรีตทางเข้าวัด อยู่ระหว่างมณฑปกับกุฏิ มีพระครู อายุ 94 ปี 23 พรรษา ซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดดังกล่าว มีตำแหน่งเป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบผู้ช่วยเจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ถูกฟันด้วยมีดงอ ขนาดด้ามยาว 50 ซม.เข้าบริเวณใบหน้า แขน ศีรษะ เป็นแผลฉกรรจ์ อาการสาหัส ถูกนำส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุมดศักดิ์ ไปแล้วก่อนหน้า แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวมรณภาพในเวลาต่อมา

ส่วนผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อภายหลังคือ พระเถิม อายุ 87 ปี 17 พรรษา หรือนายเถิม อยู่บ้าน ม.ที่ 5 ต.ถ้ำสิงห์ อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นพระลูกวัดดังกล่าว ไม่ได้หลบหนีไปไหน รอมอบตัวอยู่บริเวณหน้ากุฏิ  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นิมนต์ไปพบพระครูปลัดศิริโชค สิริธมฺโม เจ้าอาวาสวัดปากคลอง ในตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอเมืองชุมพร พระมหาชัยศิลป์ ชยโชต วัดดอนทรายแก้ว ในตำแหน่งเจ้าคณะตำบลวังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร และพระครูปริยัติวรปัญญา เจ้าอาวาสวัดคูขุด ในตำแหน่งผู้รักษาการแทนเจ้าคณะตำบลทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร ทำการบังคับให้สละสมณะเพศเหตุทำร้ายร่างกาย พร้อมทำลายหนังสือสุทธิทิ้ง  ก่อนมอบตัวให้เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.บ้านวิสัยเหนือ ดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหาทำร้ายผู้อื่นจนถึงแก่ความตาย ต่อไป

ในขณะเดียวกันทาง พระเถิมให้การรับสารภาพเพียงสั้นๆก่อนทำการสึก ว่า ตนเองถูกกดดันมานาน และล่าสุดเมื่อพลบค่ำ ขณะที่ตนเองกำลังใช้มีดงอตัดแต่งต้นไม้รอบๆกุฏิอยู่ เจ้าอาวาสได้เดินมาและต่อว่าพร้อมด่าถึงบุพการีตน ทำให้เกิดอารมณ์ชั่ววูบคว้ามีดฟันไปไม่หยั่ง จนเจ้าอาวาสล้มฟุบกองกับพื้น และมีชาวบ้านได้แจ้งกู้ภัยและตำรวจให้มาตรวจสอบ ส่วนตนเองก็ไม่ได้หนีไปไหนยืนรอมอบตัวเพราะสำนึกผิดที่ก่อเหตุ ยอมชดใช้เวรกรรมที่ทำ

ด้านชาวบ้านบริเวณวัดบอกว่า พระเถิม เป็นพระต้นแบบที่มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ ทำให้ชาวบ้านให้ความเคารพ เสื่อมใส ประกอบกับกุฏิที่พระเถิม จำวัดอยู่นั้น ทางญาติๆได้ร่วมใจกันสร้างขึ้น โดยจะเป็นกุฏิหลังแรก จากทางเข้าวัด ทำให้ชาวบ้านรวมถึงญาติ เมื่อมาวัดแล้ว จะเข้ามาตรงกุฏิของพระเถิมเพียงเท่านั้น จะไม่ค่อยเข้าไปด้านใน ทำให้เจ้าอาวาส ซึ่งมีกุฏิอยู่ลึกเข้าไปในวัด เกิดความไม่พอใจก็อาจเป็นไปได้ จึงมีการว่ากล่าวบ่อยครั้ง

ล่าสุดทางเจ้าอาวาส ก็มีโครงการจะทำกุฏิติดกับกุฏิพระเถิมเพื่อดักหน้าขึ้น 1 หลัง ซึ่งอยู่ระหว่างปักเสา วางผังอยู่ เหมือนเป็นการกดดัน แต่ก็ไม่ทันได้สร้างก็มาเกิดเหตุดังกล่าวขึ้นเสียก่อน