ตร.บางแก้วรวบตัวแล้วหนุ่มชิงทองย่านบางแก้ว
จากกรณี ช่วงค่ำของ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 มีคนร้ายเป็นชายวัยกลางคน ซึ่งเจ้าตัวนั้นถอดรองเท้าไว้หน้าร้านแล้วยกมือไหว้เจ้าของร้านทองเพื่อชิงสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 1.5 บาท พร้อมโทรศัพท์มือถือของเจ้าของร้านไป นอกจากนั้นคนร้ายยังคว้าเร้าเตอร์ไวไฟของทางร้าน ซึ่งคาดว่าคนร้ายตั้งใจจะคว้าเอาเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดแต่คว้าผิดเป็นเร้าเตอร์แทน ซึ่งภาพวงจรปิดนั้นจับภาพได้ชัดเจน
ความคืบหน้าล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ได้จับตัวผู้ก่อเหตุรายนี้ได้แล้วเมื่อช่วง บ่ายที่ผ่านมา ทราบชื่อคือ นายชญานนท์ อายุ 26 ปี มีอาชีพเป็นกุ๊กในร้านในอาหารแห่งหนึ่ง และทำอาชีพเสริมเป็นไรด์เดอร์ จากการสอบปากคำทราบว่า ผู้ก่อเหตุเป็นหนี้นอกระบบจำนวน 20,000 บาท จึงทำการไปก่อเหตุชิงทองที่ร้านทองดังกล่าว ก่อนที่จะนำทองไปขายที่ร้านทองย่านสำโรง ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะตามมาจับกุมได้ที่ห้องพักภายในซอยวัดด่านสำโรง
ด้านพล.ต.ต.วิชิต บุญชินวุฒิกุล ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เผยว่า สำหรับเคสชิงทองในเขตพื้นที่ สภ.บางแก้ว ทางท่านผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ทำได้ขอบคุณทางผู้กำกับบางแก้ว ผู้กำกับสืบสวน และชุดของสืบภาค ที่บูรณาการกำลังร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ หลังจากเกิดเหตุด้านการใช้เวลาไม่ถึง 20 ชั่วโมง ก็สามารถจับกุมตัวคนร้ายได้ พร้อมของกลาง และมีการนำตัวผู้ก่อเหตุมาชี้จุดเกิดเหตุเรียบร้อยแล้ว โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำจนใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถจับกลุ่มคนร้ายรายนี้ได้ ส่วน ผู้ต้องหา ไม่มีประวัติอาชญากรรม สาเหตุที่ก่อเหตุคือไปเป็นหนี้นอกระบบ ต้องส่งเขาวันละ 500 บาท ไม่มีเงินส่งจึงคิดสั้น เมื่อวานจึงทำการไปตระเวณ ในร้านค้าทองหลายแห่ง ในเขตพื้นที่สมุทรปราการ แต่หลายๆร้านที่ไปดูค่อนข้างจะมีการรัดกุมและระมัดระวัง และบางร้านก็มีผู้ชาย ที่มาเลือกร้านนี้เพราะว่าร้านนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นานและเจ้าหน้าที่ขายทองก็มีแต่ผู้หญิง และมีอายุพอสมควร เขาจึงตัดสินใจเลือกร้านนี้ เป็นจุดก่อเหตุ หลังจากก่อเหตุก็ได้นำทองไปขายและได้เงินมาเป็นจำนวน 40,000 บาท เพื่อที่จะนำไปใช้หนี้ เขามีการวางแผนที่จะก่อเหตุมาก่อนหน้านี้แล้วเพราะว่าจนตรอกไม่รู้ว่าจะเอาเงินจากไหนมาใช้หนี้
สุดท้ายอยากฝากถึงผู้ประกอบการร้านค้าทอง ที่จังหวัดสมุทรปราการ ทางเราได้มีการประชาสัมพันธ์ไปแล้ว ว่าร้านที่จะถูกก่อเหตุ คือร้านที่เปิดใหม่ และช่วงเวลาในการก่อเหตุที่เป็นช่วงเช้า และช่วงนี้ราคาทองค่อนข้างแพงเพราะฉะนั้นทางร้านค้าทองต้อง มีการป้องกันตัวเอง ผู้ก่อเหตุจะเลือกร้าน ที่ไม่มีลูกกรง และตัวผู้ประกอบการเองเป็นเด็กและผู้หญิง ในพื้นที่อื่นๆที่เคยเกิดเหตุก็เช่นกัน คนในร้านที่เป็นผู้สูงอายุ คนร้ายก็จะเลือก ร้านพวกนี้มีโอกาสสุ่มเสี่ยงสูง จึงฝากประชาสัมพันธ์ถึงร้านค้าทอง ทำอย่างไรก็ได้เพื่อให้ ตัวเองไม่เป็นเหยื่อ