ชาวบ้านในม.3 คลองข่อยอำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรีได้นำถั่วพูมาปลูกเป็นพืชหลักในท้องถิ่น เพื่อนำรากหรือหัวที่อยู่ใต้ดินมาต้มขายสร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว โดยจะเริ่มปลูกในเดือนสิงหาคม ของทุกปี ถึงช่วงปลายเดือนธันวาคมหรือต้นเดือนมกราคม
จึงจะเริ่มขุดดูรากว่ามีขนาดโตพอที่จะนำไปต้มได้หรือยัง เมื่อได้ขนาดแล้วจะค่อยๆ ทยอยขุด เมื่อได้ปริมาณที่สมควรแล้ว
จากนั้นก็จะนำรากถั่วพูที่ได้ มาตัดแต่งล้าง ทำความสะอาด และนำไปต้มในน้ำเดือด ประมาณ 4 ชั่วโมง ก็จะได้รากถั่วพูต้มที่ รสชาติ หวาน มัน เค็ม ก่อนจะนำออกไปขายสร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเป็นอย่างดี โดยรากถั่วพูจะมีสรรพคุณทางยามากมาย มีสรรพคุณทางยา ช่วยแก้ไอ ขับเสมหะ แน่นหน้าอก อ่อนเพลีย ร้อนใน กระหายน้ำและไข้กาฬ
จากการสอบถามนางอุทัย ภูมิอักโข เกษตรกรในม.3 กล่าวว่าตำบลคลองข่อยของเราก็มีการปลูกต้นถั่วพู ปลูกกันมานานแล้ว ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย ต่อมาก็พัฒนามา บางปีก็ ดี บางปีก็ไม่ดีแล้วแต่ดินฟ้าอากาศ ทำกัน มาเป็นกลุ่มๆ ถามว่าดีไหม บางทีมันก็ดีบาง ที่ก็ไม่ดี ซึ่งการปลูกต้นถั่วพูมันลงทุนสูง ซึ่งเกษตรกรไม่มีทางเลือก ซึ่งปีนี้เราขาย หน้าเตากิโลละ 220 พ่อค้าแม่ค้ารับไปขาย 250-280 ซึ่งขั้นตอนการทำมันก็มีหลาย
ขั้นตอน เรื่องปุ๋ย พรวนดิน ยกร่อง รดน้ำ ใส่ปุ๋ย ซึ่งปีนี้ปุ๋ยมีราคาแพงมาก 1 ลูก มีราคาประมาณ 1700-1800 บาท ถามว่าอยู่ได้ไหม มันก็อยู่ได้ ถ้าปีไหนหัวไม่ดีก็ ขาดทุน ซึ่งรากถั่วพูนั้นจะได้กินปีละครั้ง ถ้าหน้าร้อนมันจะไม่มีหัว ถ้าอากาศหนาว หัวก็จะดี ซึ่งเราเริ่มหว่านเม็ดถั่วพูประมาณ เดือนสิงหา-กันยายน จากนั้นก็รดน้ำใส่ปุ๋ยจนกว่าต้นจะโตเต็มที่ช่วงปลายเดือนมกราคมถึงต้นเดือนกุมภาพันธ์ก็จะเริ่มขุด
เอาหัวขึ้นมา แล้วคัดเอาแต่หัวที่ใช้ได้ นำ มาตัดหัวท้าย และนำไปขัดผิวล้างดิน โคลนออก ในส่วนของการต้มนั้นเราใช้ถัง สแตนเลสขนาดใหญ่ ต้ม ใช้เวลาต้มนาน กว่า 4 ชั่วโมง พอใกล้จะใช้ได้ก็นำเกลือ และน้ำตาลปรุงรสเทลงไปในถัง เพื่อให้ได้ รสชาติหวามเค็ม จึงตักขึ้นมาทำการคัดหัว ใหญ่เล็กนำส่งให้พ่อค้าแม่ค้าอยากชวนประชาชนที่ไม่เคยชิมรากหรือ
หัวถั่วพูลองมาชิมกันได้ที่ ม.3 และม.6 ตำบลคลองข่อย อ.โพธาราม จ.ราชบุรี 1 ปีจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น