สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมกับ สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ด้านการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้ประโยชน์ของเทคโนโลยีและรังสี ภายในงาน FTI EXPO 2025 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ความร่วมมือในครั้งนี้ จะช่วยส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในด้านการศึกษาวิจัย รวมถึงการให้บริการแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมทุกระดับทั่วประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
เมื่อวันที่ 14 ก.พ.68 นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า การยกระดับอุตสาหกรรมไทยเพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เติบโตอย่างยั่งยืนนั้น การต่อยอดและการประยุกต์ใช้ผลงานวิจัย เทคโนโลยีและนวัตกรรม เข้ากับกระบวนการผลิตของภาคอุตสาหกรรม ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพและคุณภาพการผลิตของภาคอุตสาหกรรม อีกทั้งยังช่วยลดระยะเวลาและต้นทุนการผลิต ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมสามารถปรับตัวให้เท่าทันกับสถานการณ์ปัจจุบันและเท่าทันต่อความต้องการของผู้บริโภคและรูปแบบการค้าที่เปลี่ยนแปลงไป สอดรับกับนโยบาย ONE FTI ที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทยเพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม ผ่านแนวทาง 4 Go ในส่วนของ Go Innovation ที่มุ่งเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมไทยหลุดพ้นจากกับดักของเศรษฐกิจ จากเดิมทำมากได้น้อย ให้เปลี่ยนเป็น ทำน้อยได้มากด้วยนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่างและเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและบริการ
รองศาสตราจารย์ธวัชชัย อ่อนจันทร์ ผู้อำนวยการสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) (สทน.) กล่าวว่า ในนามสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีที่ทั้ง 2 หน่วยงานจะได้มีความร่วมมือกันอย่างเป็นทางการ เพื่อร่วมกันส่งเสริม สนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสีในด้านการศึกษาวิจัยและการให้บริการแก่ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมทุกระดับทั่วประเทศ เรามีความพร้อมทั้งบุคลากรที่เชี่ยวชาญ มีองค์ความรู้ เครื่องมือและอุปกรณ์ห้องปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยและการบริการ เมื่อได้รับการสนับสนุนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและเกิดความร่วมมือต่าง ๆ จะยิ่งส่งผลให้การดำเนินงานประสบความสำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ นับเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมไทย สามารถเข้าถึงผลงานวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีนิวเคลียร์และรังสี และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจ เพื่อเปิดประสบการณ์สู่การสร้างโอกาส ตอบโจทย์ความต้องการของประเทศ ตลอดจนสร้างมูลค่าและคุณค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม มุ่งสู่การเติบโตอย่างยั่งยืน