วันที่ 14 ก.พ.68 นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก "เทพไท - คุยการเมือง" ระบุว่า...
เพื่อไทย:หน้าอย่างหลังอย่าง หรือ ปากว่าตาขยิบ?
การประชุมร่วมรัฐสภาที่ล่มเมื่อวานนี้ ทำให้เห็นการเมืองของเมืองไทยไม่ก้าวหน้า และไม่พัฒนา ยังวนเวียนเป็นการเมืองน้ำเน่าเหมือนเดิม เหมือนกับพายเรืออยู่ในอ่าง เล่นเกมการเมืองกันเพื่อประโยชน์ของตัวเองทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่
1.พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคร่วมฐบาลประกาศวอล์คเอาท์ไม่สังฆกรรม หรือไม่ร่วมประชุมพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เสนอโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล และของพรรคประชาชน
2.สมาชิกวุฒิสภาส่วนหนึ่ง ที่เรียกกันว่า ส.ว.สายสีน้ำเงิน วอล์คเอาท์เดินจากห้องประชุม หลังจากญัตติการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ของนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ สมาชิกวุฒิสภา แพ้มติโหวตในที่ประชุม
3.ส.ส.พรรคเพื่อไทยส่วนใหญ่ โหวตสนับสนุนญัตติของนายแพทย์เปรมศักดิ์ ทั้งที่เป็นญัตติขัดขวางญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ของส.ส.พรรคเพื่อไทย
4.ส.ส.พรรคเพื่อไทยเกือบทั้งหมด ซึ่งอยู่ในห้องประชุม กลับไม่แสดงตนเพื่อเป็นองค์ประชุม ทำให้องค์ประชุมไม่ครบ ที่ประชุมรัฐสภาล่ม ต้องปิดประชุมโดยปริยาย
ปรากฎการณ์ทั้งหมดนี้ เป็นการเล่นเกมทางการเมืองทั้งสิ้น ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการเล่นเกมในที่ประชุมรัฐสภาครั้งนี้ เพราะประชาชนต้องการผลสำเร็จของการประชุมร่วมรัฐสภาว่า ญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของนายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.พรรคประชาชน กับญัตติของนายวิสุทธิ์ ไชยณรุน ส.ส.พรรคเพื่อไทย จะผ่านความเห็นชอบหรือไม่ รัฐธรรมนูญจะมีโอกาสแก้ไขได้หรือไม่
สังคมต้องการเห็นการเมืองแบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่การเมืองแบบเล่ห์เหลี่ยม ชิงไหวชิงพริบ หรือเอาหล่อทางการเมืองอย่างเดียว และการที่นางสาวแพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี ออกมาปฏิเสธว่า พรรคเพื่อไทยไม่ได้กระทำการหน้าอย่างหลังอย่างนั้น แล้วอย่างนี้เขาเรียกว่าอะไร หรือจะเรียกว่าปากว่าตาขยิบได้มั้ย เพราะปากบอกจะแก้ไขให้ได้ แต่พฤติกรรมไม่เอาจริงเอาจังกับการแก้ไขเลย
การพิจารณาญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญจะออกมาอย่างไรทุกฝ่ายพร้อมยอมรับ เพราะหลักการประชาธิปไตยต้องเคารพเสียงข้างมาก เพียงแต่ต้องการความคืบหน้า และความสำเร็จของญัตติ เพราะต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด เป็นนโยบายหาเสียงของพรรคการเมืองหลายพรรค และเป็นนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ ที่แถลงต่อที่ประชุมรัฐสภาด้วย
สังคมจึงครางแคลงใจว่า ทำไมรัฐบาลไม่รีบผลักดันให้ประสบความสำเร็จเสียที ทำไมยังเล่นเกมแบบลิงหลอกเจ้า พรรคเพื่อไทยพยายามแสดงให้สังคมเห็นว่าต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่พฤฒิกรรมเหมือนไม่อยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้สำเร็จเลย
เกมนี้พรรคเพื่อไทยมีแต่ได้กับได้ ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญสำเร็จ ก็ได้ทำตามนโยบายที่หาเสียงแล้ว ถ้าแก้ไขไม่สำเร็จก็ยังเป็นรัฐบาล ได้ประโยชน์จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต่อไป