จากกรณีเยาวชนชาวญี่ปุ่นถูกหลอกให้ไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ที่ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา เมื่อวันที่ 17 ม.ค.68 ที่ผ่านมา ซึ่งต่อมาได้มีการประสานงานกับทางการญี่ปุ่น จนสามารถช่วยเหลือผู้เสียหายกลับประเทศญี่ปุ่น ตามที่ข่าวเสนอไปแล้วนั้น
วันที่13 ก.พ.68 ที่ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.ภาณุมาศ บุญญลักษม์ ผบช.สตม.,พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รองผบช.สตม.,พล.ต.ต.ภานพ วรธนัชชากุล ผบก.สส.สตม.,พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม. ,พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.ปรท.บก.สส.สตม. และ พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. เปิดเผยถึงกรณีจับกุมผู้ต้องหาชาวญี่ปุ่นหลอกลวงเหยื่อเด็กมัธยมสัญชาติเดียวกันข้ามฝั่ง ไปทำงานขบวนการแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่ เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา
โดย พล.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ บก.สส.สตม. สืบสวนกรณีดังกล่าว จนสามารถพิสูจน์ทราบตัวผู้ต้องหาในคดีนี้ได้ คือ นาย ทอม สัญชาติ ญี่ปุ่น อายุ 29 ปี เจ้าหน้าที่ บก.สส.สตม. จึงได้ทำหนังสือเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร ลงวันที่ 13 ก.พ.68 และได้ตรวจสอบข้อมูลของนายทอมฯ พบว่า เป็นผู้มีหมายจับจากทางการญี่ปุ่นในข้อหา “ ลักพาตัวโดยใช้กำลังเพื่อแสวงหากำไร ,การกักขังที่ผิดกฎหมาย ,การบุกรุกเข้าไปในที่พักอาศัย ทำร้ายบุคคลในที่เกิดเหตุ และปล้นทรัพย์ ” ต่อมาทราบว่า ผู้ต้องหาจะเดินทางกลับเข้ามาประเทศไทย จากประเทศเมียนมา มาลงที่ ท่าอากาศยานดอนเมือง จึงได้เข้าตรวจสอบพร้อมแจ้งการเพิกถอนการอยู่ต่อในราชอาณาจักร(ตม.83) ให้ผู้ต้องหาทราบ และนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย เตรียมผลักดันส่งกลับประเทศญี่ปุ่นต่อไป
ทั้งนี้ พล.ต.ท.ภาณุมาศ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าว พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินคดีกับคนต่างด้าวที่กระทำผิด หรือมีพฤติกรรมที่เป็นภัยต่อสังคม จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเด็ดขาดและผลักดันออกนอกประเทศ รวมทั้งลงบัญชีเป็นบุคคลต้องห้ามเดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยทุกราย