คดีอื้อฉาวที่มีนักการเมืองของไทยถูกออกหมายจับในข้อหาข่มขืนกระทำชำเรานักท่องเที่ยวสาวชาวไต้หวัน กลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ ด้วยนี่เป็นเรื่องคดีความผิดทางเพศ และอาจเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

ที่สำคัญนักการเมืองหนุ่มที่ถูกพูดถึงนั้น  คือ “สส.ปูอัด”ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ สส.กทม. พรรคไทยก้าวหน้า ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่เคยถูกขับออกจากอดีตพรรคก้าวไกลเมื่อปลายปี 2566 หลังถูกร้องเรียนถึงพฤติกรรมคุกคามทางเพศกับทีมงานที่มาช่วยหาเสียง จำนวน 3 ราย  จนเกิดภาพจำที่เขาโค้งคำนับขอโทษถึง 8 รอบจากเหตุการณ์ดังกล่าว

ทว่าเดือนกุมภาพันธ์ปี 2568 เขาตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ในคดีข่มขืน  เบื้องต้นเจ้าตัวปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและประกาศพร้อมสู้ ท่ามกลางการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ “สส.ปูอัด”แสดงสปิริตด้วยการลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งจะมีผลให้หมดสมาชิกภาพสส. เพื่อไม่ให้ใช้เอกสิทธิ์คุ้มครอง เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเอง  ก่อนที่สภาผู้แทนราษฎรจะบรรจุระเบียบวาระในการพิจารณาให้เอกสิทธิ์คุ้มครองแก่เขา ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 20 กุมภาพันธ์  

ทว่าระหว่างทางกลับมีดรามา เมื่อมีการทำสงครามข่าวสาร ปล่อยคลิปวิดีโอที่มีภาพผู้เสียหายเต้นใกล้ชิดอยู่กับ “สส.ปูอัด” ขณะที่นักการเมืองหญิง อย่าง “เจี๊ยบ”อมรัตน์ โชคปมิตต์กุลออกมาโพสต์ตั้งข้อสังเกต หลักฐานสารคัดหลั่งไว้ด้วยวลีที่ว่า

“เต็มใจ/ ไม่เต็มใจก็มีสารคัดหลั่งได้ทั้งนั้น”

ทั้งคลิปวิดีโอ และการชี้เป้าของ “เจี๊ยบอมรัตน์” ดูประหนึ่งมีความพยายามโน้มน้าวสังคมให้เชื่อว่าเป็นการ “ยินยอม”ของผู้เสียหาย นำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ว่าดาหน้าถล่ม “นางแบกปูอัด” ที่ไม่คำนึงถึงผลกระทบในการบิดเบือนประเด็นความหมายของคำว่า “ข่มขืน”  แม้ “เจี๊ยบอมรัตน์”จะอธิบายว่าเพียงเพราะไม่เชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรมก็ตาม  

ไม่เท่านั้น ยังมีความพยายามปล่อยข่าวออกมากล่าวหาเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกรับสินบน จากคดีดังกล่าว อีกด้วย กระนั้นทางตำรวจตอบโต้กลับทันควันด้วยการถามหาพยานหลักฐาน พร้อมกับข่าวการเดินทางกลับมาประเทศไทยอีกครั้งของผู้เสียหายเพื่อกลับมายืนยันคำให้การ

นี่จึงเป็นอีกบททดสอบจริยธรรมของ “สส.ปูอัด” ที่จะเผชิญหน้ากับผู้เสียหายในขณะที่ตนเองยังมีเอกสิทธิ์ของสส.ป้องกันตนเองหรือไม่

เช่นเดียวกันกรณีนี้ยังเป็นบทพิสูจน์มาตรฐานจริยธรรมสส.ในสภาผู้ทรงเกียรติเช่นกัน ว่าจะ “อุ้มสส.ปูอัด”หรือไม่