จากสถานการณ์การสูบบุหรี่ของคนไทยย้อนหลัง 30 ปีที่ผ่านมา ผลการสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ ถือว่าแนวโน้มดีขึ้น โดยข้อมูลจากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร ปี พ.ศ. 2564 พบว่า ในจำนวนประชากรที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป    มีจำนวนเพิ่มเป็น 56.1 ล้านคน แต่มีคนสูบบุหรี่ 10.9 ล้านคน นั่นคือ จำนวนคนไทยที่สูบบุหรี่ลดลง สวนทางกับจำนวนประชากรที่เพิ่มสูงขึ้นถึง 17.6 ล้านคน ในระหว่างปี 2534 – 2564 ขณะที่จำนวนคนที่สูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ไม่ได้เพิ่มขึ้น แต่กลับลดลงเหลือ 10.9 ล้านคน จาก 12.3 ล้านคน ในปี 2534

และสุดตัวเลขของการผลิตบุหรี่มวนในประเทศปี 2567 มียอดขายบุหรี่ในประเทศ 17,700 ล้านมวน ส่วนปี 2568 คาดว่าจะมียอดขายประมาณ 10,000 ล้านมวน เท่านั้น!!!

“นายภูมิจิตต์ พงษ์พันธุ์งาม” ผู้ว่าการการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) เปิดเผยว่า ในปีนี้ทิศทางการดำเนินงานของการยาสูบฯ จะปรับตัวเพื่อให้ผลประกอบการดีขึ้น วางเป้าหมายกำไรเติบโต 400-500 ล้านบาท โดยในปีนี้ การยาสูบฯ จะเร่งเดินหน้าธุรกิจใหม่ๆ ด้วยการเน้นส่งออกใบยาสูบ โดยในปี 2566 มูลค่าการส่งออกใบยาสร้างรายได้ราว 300-400 ล้านบาท จากความต้องการของตลาดโลกที่เพิ่มขึ้น อาทิ เกาหลี ซาอุดิอารเบีย และรัสเซีย ที่มีแรงงานไทยไปทำงาน โดยในปีนี้การยาสูบจะเร่งผลักดันการส่งออกใบยา โดยเฉพาะยาสูบสายพันธุ์เบอร์เลย์ และสายพันธุ์เตอร์กิซ ที่การยาสูบฯ รับซื้ออย่างไม่จำกัดจำนวนซึ่งจะส่งผลดีต่อชาวไร่ยาสูบโดยตรง

อีกทั้งยังได้มีการศึกษาในแนวทางตลาดใหม่ เช่น ตลาดยาเส้น และจะมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นของการยาสูบฯ เพื่อเพิ่มรายได้อีกช่องทางหนึ่ง ขณะที่ปัจจุบันมีบุหรี่ที่มิได้เสียภาษีแพร่ระบาดเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลมากขึ้น และเติบโตอย่างรวดเร็วเกือบ 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 6 เดือน ทั้งนี้นับตั้งแต่มีการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ ปีงบประมาณ 2561 จนถึงปีงบประมาณ 2566 ผลการปราบปรามพบคดีบุหรี่ผิดกฎหมายรวมทั้งสิ้น 50

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการตอบสนองความต้องการของตลาดใบยาสูบทั้งในประเทศ และต่างประเทศ จึงได้ลงพื้นที่ไร่ยาสูบในจังหวัดเพชรบูรณ์ในฤดูการผลิต 2567/2568 โดย นายภูมิจิตต์ กล่าวว่า เกษตรกรผู้เพาะปลูกใบยาสูบต้องเผชิญกับปัญหาสภาพอากาศที่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการเพาะปลูกและเก็บเกี่ยวเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะสถานการณ์ฝนตกหนักและอุทกภัยในช่วงเดือนสิงหาคม - กันยายน 2567 ส่งผลให้การเพาะปลูกล่าช้า และเมื่อต้นยาสูบเจริญเติบโตในช่วงเดือนธันวาคม 2567 - มกราคม 2568 ก็ต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นกว่าปกติในพื้นที่ภาคเหนือและภาคเหนือตอนล่าง ส่งผลให้ใบยาสูบแก่ช้าลง ชาวไร่จึงต้องใช้เวลานานขึ้นในการเก็บเกี่ยว และยังประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานคัดแยกเกรดของใบยา

ดังนั้นเพื่อบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ยสท. จึงได้เห็นชอบให้ขยายระยะเวลาการรับซื้อใบยาสูบออกไป สำหรับใบยาสูบพันธุ์เวอร์ยิเนีย รุ่นต้นฤดู จากเดิมมีกำหนดสิ้นสุดวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568 ขยายระยะเวลาจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 และใบยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ รุ่นกลางฤดู จากเดิมมีกำหนดสิ้นสุดวันที่ 11 เมษายน 2568 ขยายระยะเวลาเป็นวันที่ 30 เมษายน 2568 ซึ่งการขยายเวลาในครั้งนี้ถือเป็นข่าวดีสำหรับเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ เพราะช่วยให้ชาวไร่มีระยะเวลาในการจำหน่ายใบยาสูบให้กับ ยสท. เพิ่มขึ้น เนื่องจากใบยาเวอร์ยิเนียรุ่นต้นฤดูจะมีราคาสูงกว่ารุ่นปลายฤดู กิโลกรัมละ 3 บาท และใบยาเบอร์เลย์รุ่นกลางฤดู จะมีราคาสูงกว่ารุ่นปลายฤดู กิโลกรัมละ 2 บาท จึงส่งผลให้ชาวไร่ยาสูบมีโอกาสสร้างรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายเวลารับซื้อใบยาในฤดูกาลนี้

ผู้ว่าการ ยสท. กล่าวว่า นอกจากมาตรการขยายเวลารับซื้อแล้ว ยสท. ยังคงเดินหน้าสนับสนุนชาวไร่ยาสูบอย่างเต็มที่ ด้วยนโยบาย "รับซื้อใบยาสูบไม่จำกัดจำนวน" เฉพาะสายพันธุ์เบอร์เลย์และเตอร์กิช ซึ่งเป็นของขวัญให้แก่ชาวไร่ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มโควตารับซื้อใบยาเวอร์ยิเนียอีกในปีหน้า

ทั้งนี้ยสท. ยืนยันที่จะเคียงข้างเกษตรกรชาวไร่ยาสูบ และให้การสนับสนุนในทุกมิติ เพราะเราตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ในฐานะฟันเฟืองสำคัญของอุตสาหกรรมยาสูบไทย และยังคงดำเนินโครงการช่วยเหลือเกษตรกรในทุกด้าน เช่น  โครงการฝึกอบรมและศึกษาดูงาน เพื่อเพิ่มศักยภาพการเพาะปลูก  โครงการสนับสนุนแหล่งน้ำและระบบน้ำหยด ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โครงการศูนย์เผยแพร่การจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสาน ช่วยให้เกษตรกรลดการใช้สารเคมี โครงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ พร้อมเยียวยาและสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง และโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การสนับสนุนงบประมาณให้โรงบ่มใบยาเบอร์เลย์ สำหรับโรงบ่มสร้างใหม่ โรงละ 50,000 บาท และการต่อเติมโรงบ่มเดิม โรงละ 30,000 บาท โดยในปี งบประมาณ 2567 ชาวไร่ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับการสนับสนุนก่อสร้างโรงบ่มจำนวน 19 โรง และต่อเติมโรงบ่มอีกจำนวน 20 โรง

ยอมรับแนวคิด “การยาสูบฯ” หวังแก้วิกฤติเป็นโอกาส!?! สวนกระแสคนสูบบุหรี่ลดลง แต่กลับสามารถดันราคาใบยาสูบพุ่งขึ้นได้!