วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ประกาศการเติบโตของยอดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 พร้อมความสำเร็จยอดจำหน่ายรถไฟฟ้าที่ทำสถิติสูงที่สุด คิดเป็นสัดส่วนถึง 80 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายรวมในปี 2024 เติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 24 เปอร์เซ็นต์ ประกาศเป้าหมายการดำเนินธุรกิจสำหรับปี 2025 และอนาคต มุ่งเน้นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทั้งในกลุ่มรถไฟฟ้า และปลั๊กอินไฮบริด, เสริมความพึงพอใจ และบริหารประสบการณ์ลูกค้าด้วยงานขายและการบริการที่ครอบคลุม พร้อมเพิ่มมูลค่าในการเป็นเจ้าของรถวอลโว่ด้วยโครงการใหม่ ๆ ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องตลอดช่วงอายุการเป็นเจ้าของรถวอลโว่

มร.คริส เวลส์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย และ ประเทศมาเลเชีย เปิดเผยว่า เรารู้สึกภูมิใจกับผลลัพธ์ของปีที่ผ่านมาเนื่องจากเป็นปีที่ท้าทายอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ การเติบโตที่ต่อเนื่องก็สะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์วอลโว่ ตัวเลือกผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค แม้ว่าความท้าทายจะยังเกิดขึ้นต่อเนื่องมาในปี 2025 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย จะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ ที่ไม่เพียงตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยสร้างการเติบโตที่ยั่งยืนให้กับแบรนด์ของเรา โดยเราตั้งเป้าหมายการเติบโตของปี 2025 ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ เราเชื่อว่าด้วยความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ที่เรานำเสนอทั้งในส่วนของรถไฟฟ้า fully electric และรถปลั๊กอินไฮบริด จะยังคงได้รับความสนใจจากผู้บริโภคต่อเนื่องไปในอนาคต อีกทั้งความพรีเมียมของแบรนด์ที่ทำให้ วอลโว่ คาร์ แตกต่าง และเสริมความสามารถในการแข่งขันในตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปี 2025 วอลโว่ คาร์ ประเทศไทย ได้วางเป้าหมายเพื่อสานต่อความเป็นผู้นำอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าระดับพรีเมียมผ่านกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุม และตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นบริษัทผู้ผลิตและจำหน่ายรถไฟฟ้าในอนาคต เริ่มในไตรมาสแรกของปี 2025 ได้วางแผนการส่งมอบรถไฟฟ้าขนาด 7 ที่นั่ง สไตล์เอสยูวี รุ่นเรือธงอย่าง Volvo EX90 ให้แก่ลูกค้า ซึ่ง EX90 นำเสนอนิยามบทใหม่ของเทคโนโลยีและมาตรฐานความปลอดภัยของ วอลโว่ คาร์ โดยเป็นรถรุ่นแรกที่ใช้ชิปในการประมวลผล ผ่านการทำงานของซอฟ์แวร์เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้ความปลอดภัย, การเชื่อมต่อ และข้อมูล บนแพลตฟอร์มที่สามารถอัพเกรดเพื่อรองรับการใช้งานในอนาคตได้อย่างต่อเนื่อง

บริษัทฯ ยังวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ทั้งในกลุ่มรถไฟฟ้า fully electric รวมถึงรถกลุ่มปลั๊กอินไฮบริด เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นบริษัทผู้จำหน่ายรถไฟฟ้าเท่านั้นในอนาคต ในแง่ของการบริการเพื่อยกระดับประสบการณ์ลูกค้า บริษัทฯ ได้วางแผนในการเปิดโชว์รูม และศูนย์บริการซ่อมตัวถังและสีมาตรฐานครบวงจร Volvo Certified Damage Repair Centre (VCDR) แห่งใหม่ พร้อมวางแผนการขยายบริการ Volvo Mobile Service ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อตอบรับความนิยมของลูกค้าที่สนใจรับบริการเป็นจำนวนมากเนื่องจากเป็นบริการที่มีความสะดวกสบาย โดยลูกค้าสามารถรับบริการได้จากที่บ้านหรือสถานที่ที่นัดหมาย ประหยัดเวลาการเดินทางไปที่ศูนย์บริการ พร้อมกันนี้ยังได้รับความอุ่นใจว่าช่างที่มาให้บริการได้รับการอบรมตามมาตรฐานของวอลโว่ คาร์