ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ / ทหารประชาธิปไตย

จากลัทธิพาณิชยนิยม (MERCANTILISM) คือลัทธิเกี่ยวกับการค้าระหว่างประเทศในบันทึกของประวัติศาสตร์เศรษฐกิจในช่วงศตวรรษที่ 16-18 นั่นคือ การออกแบบมาเพื่อให้ประเทศผู้ใช้นโยบายนี้ส่งออกสินค้ามากกว่านำเข้า เช่น การจัดตั้งโควตานำเข้า การใช้ภาษีศุลกากร หรือแม้แต่การห้ามนำเข้า หรือกีดกันการใช้ท่าเทียบเรือสินค้าของประเทศอื่น

อย่างไรก็ตามลัทธินี้นำไปสู่แรงกดดันให้เกิดการขยายตัวของลัทธิการล่าอาณานิคม เพื่อหวังใช้ทรัพยากรธรรมชาติและแรงงานราคาถูกจากประเทศที่ตนไปยึดครอง

เท่านั้นยังไม่พอแนวคิดดังกล่าวยังไปเกี่ยวพันกับลัทธิปกป้องอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยกีดกันการนำเข้าหรือตั้งกำแพงภาษีสูงๆที่เรียกว่า PROTECTIONISM ในทศวรรษที่ 19-20  แต่เหตุของการปกป้องนี้ส่วนใหญ่เกิดกับประเทศกำลังพัฒนาที่ต้องการสร้างอุตสาหกรรมภายในประเทศ โดยจะคุ้มครองในระยะแรก ที่เป็นอุตสาหกรรมทารก (INFANT INDUSTRY)แต่ในทางปฏิบัติเมื่อคุ้มครองแล้วก็ไม่อาจยกเลิกได้ ทำให้ผู้บริโภคในประเทศเสียประโยชน์

ในการล่าอาณานิคม ลัทธิพาณิชยนิยม จึงสนับสนุนให้มีการพัฒนากองเรือปืนในยุโรป เช่น กองทัพเรือสเปน โปรตุเกส อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศส ตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 16-18 ดังกล่าว

ครั้นมาสู่ศตวรรษที่ 19 แนวคิดเศรษฐศาสตร์ยุคใหม่ก็ถูกเผยแพร่ นั่นคือการค้าเสรีโดยบิดาของแนวคิด คือ อาดัม สมิธ และเดวิด ริคาโด

ทั้งนี้ในสภาพความเป็นจริงในช่วงหลัง การล่าอาณานิคมเพื่อทรัพยากรหรือการตั้งถิ่นฐานเริ่มจะลดน้อยถอยลง เพราะมีการคัดค้านแข็งขืนจากหลายประเทศ จนหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 นักล่าอาณานิคมก็จำเป็นต้องปลดปล่อยอาณานิคมเป็นอิสระเพิ่มมากขึ้นจนแถบไม่เหลือในโลก

อย่างไรก็ตามก็ยังมีการใช้แนวคิดนี้ในการจัดตั้งอาณานิคมยุคใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 คือการจัดตั้งรัฐอิสราเอลที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะอังกฤษอดีตเจ้าอาณานิคม

ที่มาสำคัญก็คือในช่วงพันปีที่ผ่านมา ได้มีการขับไล่ชาวยิวออกจากประเทศเพราะเป็นอุปสรรคต่อการปกครองและการพัฒนาประเทศ โดยในช่วงพันปีมานี้มีการขับไล่ยิวตามลำดับคือ

ปีค.ศ1080 จากฝรั่งเศส ค.ศ.1098 จากสาธารณรัฐเช็ก ค.ศ.1113 จากเคียฟ และมีการสังหารหมู่ ค.ศ.1171 จากอิตาลี ค.ศ.1198 จากอังกฤษ ค.ศ.1290 จากอังกฤษ ค.ศ.1298 จากสวิตเซอร์แลนด์ และถูกแขวนคออีก 100 คน ค.ศ.1306 จากฝรั่งเศส (ถูกเผาอีก 3,000 คน) ค.ศ.1360 จากฮังการี ค.ศ.1391 จากสเปน (ถูกประหาร 30,000 เผาทั้งเป็น 5,000 คน) ค.ศ.1394 จากฝรั่งเศส ค.ศ.1407 จากโปแลนด์ ค.ศ.1492 จากสเปน (และห้ามเข้าตลอดไป) ค.ศ.1492 จากซิซิลี ค.ศ.1495 จากลิทัวเนียและเคียฟ ค.ศ.1496 จากโปรตุเกส ค.ศ.1516 ซิซิลีอนุญาตให้อยู่แต่ในสลัม ค.ศ.1541 จากออสเตรีย ค.ศ.1555 จากโปรตุเกส ค.ศ.1565 โรมอนุญาตให้อยู่ในสลัม ค.ศ.1567 จากอิตาลี ค.ศ.1570 จากเยอรมนี ค.ศ.1580 จากรัสเซีย ค.ศ.1592 จากฝรั่งเศส ค.ศ.1616 จากสวิตเซอร์แลนด์ ค.ศ.1629 จากสเปนและโปรตุเกส ค.ศ.1634 และค.ศ.1655 จากสวิตเซอร์แลนด์ ค.ศ.1660 จากเคียฟ ค.ศ.1701 จากสวิตเซอร์แลนด์ ค.ศ.1806 จากฝรั่งเศส ค.ศ.1828 จากเคียฟ และค.ศ.1933 ถูกขับและฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

ด้วยแรงกดดันดังกล่าวทำให้ชาวยิวจำนวนหนึ่งในยุโรป จัดตั้งเป็นขบวนการไซออนิสต์ โดยยึดเอาสัญลักษณ์ภูเขาไซออน ที่เยรูซาเล็ม เป็นศูนย์รวมจัดการรวบรวมคำสอนสร้างคัมภีร์ตัลมูดผนึกกับแนวคิดชาตินิยม ดำเนินการรณรงค์เพื่อจัดตั้งประเทศของตน

หลังจากมีการสำรวจสถานที่ตั้งประเทศในหลายพื้นที่โดยเฉพาะในแอฟริกา จนสุดท้ายมาลงตัวที่ปาเลสไตน์ จึงได้มีการสร้างเรื่องสร้างราวต่างๆ โดยทำให้สอดรับกับคัมภีร์โตราและ/หรือคัมภีร์ไบเบิลเก่า ทั้งการเปลี่ยนแปลงชื่อสถานที่และประวัติความเป็นมา โดยสรุปก็คือการอ้างว่าดินแดนปาเลสไตน์เป็นดินแดนตามพันธสัญญาที่พระเจ้ามอบให้ชาวยิวที่ถูกขับไล่ออกไปจากผืนดินนี้ เพราะไปละเมิดคำสั่งสอนของพระเจ้าโดยศาสดาโมเสส ซึ่งจะต้องเร่รอนเป็นเวลาพันปี และเมื่อกลับมาตั้งประเทศได้ พระเยซูก็จะทรงเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อสร้างสันติสุข

ในแง่ข้อเท็จจริงชาวยิวที่กล่าวถึงนั้นคือชาวยิวที่ติดตามโมเสสมาจากอียิปต์ จึงเป็นชนชาติอาหรับ ไม่ใช่ชาวยิวจากยุโรปตามที่เป็นอยู่ และในช่วงพันปีถ้านับจากศาสดาโมเสส ชาวยิวเชื้อสายอาหรับได้กลับไปตั้งบ้านเรือนอยู่ในปาเลสไตน์นานแล้ว

อย่างไรก็ตามแนวคิดของลัทธิยิวไซออนิสต์ ก็ได้รับการสนับสนุนจากคริสเตียนไซออนิสต์ ที่มีความคิดสอดรับกัน

แต่นักประวัติศาสตร์ชาวยิว คือศาสตราจารย์อีแลน เปเป้ได้ทำการศึกษาและค้นคว้าโดยเขียนเป็นหนังสือชื่อ THE TEN MYTHS OF ISRAEL เพื่อพิสูจน์ว่าเรื่องราวของขบวนการยิวไซออนิสต์นั้นถูกบิดเบือนไม่เป็นความจริงตามอ้าง

นอกจากนี้การตั้งประเทศอิสราเอลบนพื้นที่ปาเสสไตน์นี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากชาวยุโรป เพราะอยากให้ไปจากดินแดนของตนตามบันทึกที่รายงานไปข้างต้น

ดังนั้นปัญหาปาเลสไตน์ที่เกิดขึ้นจนปัจจุบันจึงเกิดจากการเข้ามาตั้งถิ่นฐานของชาวยิวจากยุโรป ไม่ใช่ชาวยิวที่เป็นเชื้อสายอาหรับและตั้งถิ่นฐานอยู่มานานแล้ว ยิวรุ่นใหม่จึงเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับคนในพื้นที่ และยังมาก่อกรรมทำเข็ญกับชาวพื้นเมืองด้วยการเข่นฆ่าขับไล่ จนถึงการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยไม่คิดถึงอดีตที่เจ็บปวดของตนเองจากการถูกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์โดยนาซีเยอรมัน

อนึ่งหากผู้สนับสนุนแนวคิดของยิวไซออนิสต์โดยอ้างอิงว่าเป็นประสงค์ของพระเจ้าแล้ว ก็ลองใคร่ครวญดูว่าพระเจ้าคงไม่ต้องการให้มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์ โดยไร้ซึ่งความเมตตาปราณี เพราะพระเจ้าทรงรักมนุษย์จึงส่งพระบุตรลงมาไถ่บาปให้มนุษย์และทรงสอนให้มนุษย์ นั้นมีความรักเพื่อนมนุษย์ด้วยกันดังคำสอนในคัมภีร์ไบเบิลที่ว่า “จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง” ซึ่งคำสอนเหล่านี้ได้มีการสืบสายและเน้นย้ำโดยหลักคำสอนของชาวคริสต์ที่ยึดคัมภีร์ไบเบิล

หรือหากจะอ้างอิงจากคัมภีร์โตรา ของชาวยิวนั้นหากพิจารณาบัญญัติ  10 ประการที่ศาสดาโมเสส มาถ่ายทอดให้ผู้ศรัทธานั้น ข้อแรกก็คือการห้ามการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

แต่ทั้งชาวยิวไซออนิสต์ และชาวคริสต์ไซออนิสต์ต่างเพิกเฉยพระประสงค์โดยแท้จริงของพระเจ้า มุ่งแต่บิดเบือนเข่นฆ่าเพื่อแสวงประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้นเมื่อยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ไว้แล้วก็ยังมีแนวคิดที่จะขยายดินแดนออกไปอีกที่เรียกว่า The GREATER ISRAEL โดยไปอ้างอิงดินแดนสมัยศาสดาเดวิด และศาสดาโซโลมอนอีก นั่นคือพื้นที่จากแม่น้ำไนล์ถึงแม่น้ำยูเฟรติสซึ่งครอบคลุมหลายประเทศในตะวันออกกลาง นั่นย่อมแสดงถึงความละโมบโลภมากที่ไม่รู้จักพอแล้วโลกจะเข้าสู่สันติสุขได้อย่างไร