รมว.พาณิชย์ พร้อมคณะเปิดกิจกรรมพาณิชย์สัญจร ครั้งที่ 1/2568 ภาคเหนือ การสัมมนาร่วมภาครัฐและภาคเอกชนภาคเหนือของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน ที่จังหวัดเชียงราย
วันที่ 12 ก.พ.68 ณ โรงแรมเฮอริเทจ เชียงราย โฮเทล แอนด์ คอนเวนชั่น นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมพาณิชย์สัญจร ครั้งที่ 1/2568 ภาคเหนือ การสัมมนาร่วมภาครัฐและภาคเอกชนภาคเหนือของไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ ผู้ประกอบการไทย และผู้ประกอบการจากสาธารณรัฐประชาชนจีน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เข้าร่วมสัมมนาภายใต้กิจกรรม พาณิชย์สัญจร ครั้งที่ 1/2568 ภาคเหนือ และการสัมมนาเรื่องการเชื่อมโยงตลาดและสร้างโอกาสการค้าชายแดนภาคเหนือ Chiang Rai Connecting Northern Border ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้กำหนดทิศทางการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไว้อย่างชัดเจน โดยเน้นความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ได้ใช้หลักการทำงาน 80:20 โดยทำหน้าที่สนับสนุน (Supporter) 80% เพื่อสร้างความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขันให้ผู้ประกอบการและเกษตรกร และทำหน้าที่กำกับดูแล (Regulator)20% เพื่อสร้างความเป็นธรรมทางการค้า ในการส่งเสริมการค้าภายในประเทศ การค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งการค้าชายแดน กระทรวงพาณิชย์ทำหน้าที่เป็นผู้สนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงและขยายช่องทางการตลาดสินค้าและบริการ และดูแลตลอดห่วงโซ่ทางการค้า ทั้งผู้ผลิต ผู้ค้า และประชาชนผู้บริโภค โดยมีเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจการค้าไทยให้เข้มแข็ง เป็นธรรม และเติบโตอย่างยั่งยืน
โดยที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ได้ให้ความสำคัญกับการผลักดันผู้ประกอบการตั้งแต่ระดับชุมชน ซึ่งถือเป็นเศรฐกิจฐานรากในพื้นที่ และระดับภูมิภาค ให้สามารถแข่งขันในตลาดสากลได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ในช่วงนี้การค้าชายแดนและผ่านแดนของภาคเหนือ อาจหดตัวลงในบางช่วงเวลาด้วยปัจจัยภายนอกบางประการที่มิอาจจะควบคุมได้ โดยเฉพาะความไม่สงบบริเวณชายแดนฝั่งประเทศเมียนมา แต่ในภาพรวมมูลค่าการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ปี 2567 ก็ยังมีมูลค่ารวมกว่า 1.8 ล้านล้านบาท หรือขยายตัว 6.1% และการส่งออกสินค้าสำคัญของไทยส่วนใหญ่ก็ยังมีโอกาสที่จะขยายตัวอีก อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ก็ไม่ประมาท โดยเดินหน้าส่งเสริมผู้ประกอบการ และเฝ้าระวังปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการค้าอย่างใกล้ชิด และได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ กรมการค้าภายใน กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมทรัพย์สินทางปัญญา กรมการค้าต่างประเทศ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ หรือสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า ประสานและเชื่อมโยงการทำงานกันอย่างใกล้ชิด รวมทั้งเชื่อมโยงการทำงานระหว่างพาณิชย์จังหวัดกับทูตพาณิชย์ (สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ) เพื่อเสริมสร้างโอกาสให้สินค้าจากแต่ละท้องถิ่น แต่ละจังหวัด สามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้
สำหรับ "พาณิชย์สัญจร" ในครั้งแรกนี้จัดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีศักยภาพสูงในด้านเศรษฐกิจการค้าและการลงทุน ด้วยทำเลที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง อีกทั้งยังมีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ สินค้าเกษตรและผลิตภัณฑ์แปรรูปที่มีคุณภาพ ตลอดจนศักยภาพทางการท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยพาหน่วยงานในสังกัดกระทรวงพาณิชย์มาลงพื้นที่พบผู้ประกอบการ รับฟัง แลกเปลี่ยนข้อมูล และให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องต่างๆ นอกจากนี้กระทรวงพาณิชย์ได้เชิญผู้ประกอบการจากสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา และสาธารณรัฐประชาชนจีน มาร่วมด้วย กิจกรรมในวันนี้จึงเป็นเวทีพบปะและเสริมสร้างความร่วมมือในการขยายโอกาสทางการค้า ขยายช่องทางตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตลอดจนเชื่อมโยงตลาดและสร้างโอกาสการค้าชายแดนภาคเหนือ อันเป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากในระดับชุมชนและระดับภูมิภาค ให้เติบโตยิ่งขึ้น
ในส่วนของการสัมมนาในวันนี้จะเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับโอกาสและทิศทางการขับเคลื่อนเศรฐกิจของภาคเหนือสู่การค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งระดมองค์ความรู้ ข้อเสนอแนะของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ในการส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและเพิ่มพูนความรู้ให้กับผู้ประกอบการในภูมิภาค ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาธุรกิจให้ผู้ประกอบการจาก 17 จังหวัดภาคเหนือ ได้รับทราบข้อมูลเชิงลึก และสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจของตนให้เติบโตและสอดรับกับทิศทางของเศรษฐกิจโลก