รวบ "อรรคกร" มือจุดไฟเผาพ่อค้าแตงโมแค้นเป็นชู้กับภรรยา แถมเอารถกระบะไปขายแตงโม
วันที่ 12ก.พ.68 ที่ สน.บางโพงพาง พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สน.บางโพงพาง ลงพื้นที่ตรวจสอบหลังรับแจ้งเหตุคนร้ายใช้น้ำมันราดไฟเผา มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณวัดดอกไม้ แขวงบางโพงพาง เขตยานนาวา กทม.จากการตรวจที่เกิดเหตุทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายอรรกร หรือเพลิน จึงรวบรวมหลักฐานออกหมายจับ ต่อมาเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 ผู้ได้รับบาดเจ็บถึงแก่ความตาย ส่วนผู้ต้องหาหลบหนีไป เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาหลบหนีไปพักอาศัยที่จังหวัดมุกดาหาร จึงได้ร่วมกันสืบสวนติดตาม จับกุม นายอรรคกร หรือเพลิน อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และวางเพลิงเผาทรัพย์ของผู้อื่น ตามหมายจับ ศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 175/2568 ลงวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 โดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณ หน้าร้านสะดวกซื้อ ภายในปั๊มน้ำมัน แห่งหนึ่ง สาขาคำอาฮวน ต.คำอาฮวน อ.เมือง จ.มุกดาหารมาสอบสวนที่ สน.บางโพงพาง
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวหลังร่วมสอบปากคำนายเพลินว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าได้ทำคนเดียว ไม่มีผู้ร่วมก่อเหตุ เพราะหนักใจที่ผู้ตาย ซึ่งเป็นเพื่อนสนิท กลับมามาคบชู้กับภรรยา โดยไม่ได้มีการพูดคุยหรือเคลียร์ใจกับตน ทำให้เกิดการบันดาลโทสะ ตนขอโทษผู้ตายและครอบครัวและหลังก่อเหตุไม่มีใครช่วยพาหลบหนี ตนเอาได้ขับรถหลบหนีไปมุกดาหาร อีกอย่างตนเองทำงานอยู่ที่นั่น หลังเกิดเหตุเห็นข่าวแล้วก็ตกใจ คิดจะมอบตัว ยอมรับว่าสาเหตุเกิดจากความแค้น เพราะว่าเมื่อปี 2556 แฟนคบชู้ตนใช้อาวุธปืนยิงผู้ชายคนใหม่ของแฟน จนติดคุกไป 9 ปี เพิ่งจะพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564 ต่อมาเมื่อเจอกับนางสาวกุ๊กไก่ แฟนคนปัจจุบัน ก็คบกันเรื่อยมา และจะนำผลไม้มาขายที่วัดดอกไม้ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทำให้รู้จักกับนายราเชน (ผู้เสียชีวิต) คบหาเป็นเพื่อนสนิทมาตลอด กระทั่งช่วงตุลาคม 2567 เริ่มระแคะระคายว่าแฟนสาวกำลังนอกใจไปหานายราเชน เมื่อสอบถามก็ได้รับคำปฏิเสธ แต่หลังจากนั้นก็ระหองระแหงเรื่อยมา ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเริ่มตัดการติดต่อห่างกันไป นอกได้เอารถกระบะที่นำไปจำนำร่วมกัน เพื่อนำเงินมาช่วยทำมาหากินทำให้ตนเองคิดว่าฝ่ายหญิงน่าจะไปอยู่กับนายราเชนแล้ว และสั่งสมความแค้นมาโดยตลอด
โดยก่อนก่อเหตุ ตนไปรับจ้างตัดต้นไม้อยู่ที่ย่านพุทธมณฑลกับเพื่อนลูกจ้างอีกคน ชื่อ "นายติ๊ก" จึงบอกกับนายติ๊กว่าให้ช่วยไปขับรถกระบะอีกคันกลับ และขากลับขับรถผ่านวัดดอกไม้ ตนเห็นรถกระบะของแฟนจอดอยู่ จึงไปเปลี่ยนเสื้อผ้า กะว่าจะเข้าไปเคลียร์ใจกับแฟนสาว หากตกลงกันไม่ได้ ก็จะใช้น้ำมันเบนซิลที่ซื้อมาไว้เติมรถ แต่ยังเหลืออยู่ จุดไฟทำลายรถกระบะคันดังกล่าว ซึ่งเมื่อเข้าไปในวัดไม่เจอแฟน เห็นนายราเชนนั่งอยู่ที่รถกระบะ จึงเกิดบันดาลโทสะ ราดน้ำมันจุดไฟเผาทันที เบื้องต้นตำรวจเปลี่ยนข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มาเป็นข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยกระทำการทารุณกรรม และวางเพลิงเผาทรัพย์ เนื่องจากนายราเชนเสียชีวิตแล้ว และจะนำตัวนายเพลินไปฝากขังศาลอาญากรุงเทพใต้ในวันพรุ่งนี้ พร้อมคัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีพฤติการณ์จะหลบหนี
พล.ต.ต.นพศิลป์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่มีส่วนกระแสข่าวว่านางสาวกุ๊กไก่ มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่นั้น เบื้องต้นนายเพลินยังไม่กล่าวถึงบุคคลอื่น และจากภาพวงจรปิดก็ยังไม่พบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนมูลเหตุจูงใจอื่นๆ เช่น เรื่องความขัดแย้งในการเก็บค่าที่จอดรถภายในวัด ตำรวจจะขยายผลสอบสวนต่อไป เช่นเดียวกับตัวนายติ๊ก ที่ตอนนี้ตำรวจก็ยังอยู่ระหว่างการสอบปากคำ ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุด้วยหรือไม่ เนื่องจากนายติ๊กอ้างว่าไม่รู้ว่านายเพลินจะก่อเหตุวางเพลิงจุดไฟเผานายราเชน ทราบเพียงว่าให้มาเป็นเพื่อนช่วยขับรถ และ นายเพลินได้บอกให้กลับไปก่อน ซึ่งหากพบว่าเข้าข่ายร่วมกระทำความผิด ก็จะมีการแจ้งข้อหาต่อไป
ส่วนคนขับกระบะที่ไปส่งนายเพลินที่จังหวัดมุกดาหารนั้น ตำรวจก็เรียกมาสอบปากคำแล้ว ซึ่งเจ้าตัวก็อ้างว่าเพียงทำหน้าที่ส่งคนงานที่จ้างมาหลังเสร็จงานตัดไม้ตามปกติ โดยไม่รู้ว่านายเพลินไปก่อเหตุอะไรมา แต่เมื่อทราบก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี และพาตำรวจไปชี้จุดที่ส่งนายเพลินลง ซึ่งเมื่อตำรวจติดตามไปถึงจังหวัดมุกดาหาร ก็พบว่านายเพลินหนีเข้าป่าหลังรีสอร์ทไปแล้ว ตำรวจต้องปิดล้อมป่า ใช้โดรนบิน ใช้สุนัขตำรวจติดตามดมกลิ่น มุดท่อ และพายเรือตามหาในแม่น้ำ กดดันนานกว่า 1 วัน 1 คน จนนายเพลินหมดหนทางหนี และหิวโซ จึงได้ติดต่อเพื่อนให้นำอาหารมาให้ แต่เพื่อนก็ให้ความร่วมมือกับตำรวจเพื่อล่อนายเพลินออกมา แต่นายเพลินไหวตัวทัน สุดท้ายเพราะทนพิษความหิวโหยไม่ไหว จึงกำเงิน 1000 บาทออกมาซื้ออาหารที่ปั๊มน้ำมัน ซึ่งตำรวจได้ดักรออยู่แล้ว และเข้าจับกุมตัวได้ดังกล่าว