“นายกฯอิ๊งค์” ฮึ่ม!ฟันเจ้าหน้าที่รัฐเอี่ยวแก๊งคอลฯ มอบดีอีประเมินผล‘ตัดไฟ’ 2 สัปดาห์ “ภูมิธรรม” แฉคนโยงขบวนการ 300-400 เครือข่าย บอกพอใจมาตรการเข้มของไทยได้ผล
เมื่อวันที่ 11 ก.พ.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ระบุว่าจะเรียกคนที่มีข้อกล่าวหามีส่วนพัวพันกับการกระทำผิดกฏหมายออกนอกพื้นที่ชายแดน ว่า เที่ยงวันเดียวกันนี้จะออกคำสั่ง ส่วนจะมีเท่าไหร่ เกี่ยวกับกระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ทั้งหมดหรือไม่นั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ แต่ให้ออกมาก่อนเพื่อที่จะทำงานได้สะดวก
เมื่อถามว่า มาตรการตัดไฟ ตัดน้ำมัน หนึ่งสัปดาห์ได้ผลอย่างไรบ้าง นายภูมิธรรม กล่าวว่า จากรายงานของหน่วยเฉพาะกิจราชมนูและหน่วยงานอื่น รวมถึงทางลับ ได้ผลดีพอสมควร อาจเกิดความปั่นป่วนบ้างบริเวณชายแดนพื้นที่เมียนมา เช่นการเดินขบวนไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา วันนี้เราต้องการกดดันผู้มีอำนาจในเมียน ว่าสิ่งที่เกิดในพื้นที่ของเขาสร้างความกระเทือนถึงประเทศไทย และเป็นผลสะเทือนถึงโลกด้วย เขาต้องกลับไปกดดัน ไม่ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ใช้พื้นที่เป็นแหล่งมั่วสุม ในพื้นที่พญาตองซู ก็ได้ผลักดันขับไล่กลุ่มจีนเทาออกจากพื้นที่ภายใน 28 ก.พ. และวันที่ 12 ก.พ. จะลงพื้นที่ปอยเปต กัมพูชา โดยเท่าที่ทราบขณะนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดขนาดลงดูจากการใช้ไฟที่ไม่เสถียร และอินเตอร์เน็ตมีปัญหาแม้เขาจะใช้ดาวเทียมวงจรต่ำ ตรงนี้เป็นปัญหาที่เราต้องกดดันต่อไป
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในพื้นที่ปอยเปตเรารู้ตัวคนที่เกี่ยวข้องแล้ว เราได้รับรายชื่อของกลุ่มต่างๆ ทั้งในและนอกประเทศประมาณ 300 ถึง 400 เครือข่าย และดำเนินการตรวจสอบในทางรับอยู่ หากจะมาพูดหรือโวยวายอะไรต้องบอกว่ามีหลักฐาน เพราะเราจัดการตามกระบวนการนิติธรรม ไม่ใช่มาพูดตรงนั้นตรงนี้ และแนะนำไปเรื่อย ยืนยันถ้ามีหลักฐานชัดเราไม่ปล่อยแน่นอน แต่การพูดลอยๆ เจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติไม่ได้เพราะ หากโดนฟ้องกลับเจ้าหน้าที่จะตายหมด ถ้าคิดว่าอะไรมีปัญหาให้เอามา อย่าไปจินตนาการ หรือไปเขียนข้างนอก ให้เอามายื่นเราจะจัดการ ถ้ามายื่นแล้วเราไม่จัดการให้เอาหลักฐานนั้นไปแฉให้ทุกคนดู ถ้าคิดว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม แล้วเราไม่จัดการค่อยมาตำหนิ
เมื่อถามว่า คนไทยที่ถูกหลอกมีโอกาสที่จะช่วยออกมาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรากำลังดำเนินการทุกทางที่จะกดดันให้ออกมา ตัวเลขที่จะส่งกลับมามีทั้งคนไทยและส่วนอื่น โดยเรามีเงื่อนไขว่าถ้าจะส่งมาที่ไทยประเทศต้นทางของเขาต้องพร้อมจะรับกลับไป ไม่เช่นนั้นรับมาแล้วมาอยู่ชายแดนของเราจะกลายเป็นค่ายอพยพ เวลานี้เอ็นจีโอที่อยู่ในค่ายอพยพไม่ได้มีเงินพอที่จะดูแล จะให้รัฐบาลไทยไปรับผิดชอบก็คงไม่ไหว เราได้คุยกับประเทศที่เกี่ยวข้องแล้ว สถานทูตที่มีบุคคลของเขาอยู่ในข่ายถูกหลอกไป พร้อมจะมารับคนของเขากลับ ทั้งยุโรป แอฟริกา ลาตินอเมริกา และเอเชีย
เมื่อถามถึง การถอนสัญชาติ กับคนที่เกี่ยวข้องกับตึก 25 ชั้นในปอยเปต นายภูมิธรรม กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติพยายามทำงานอยู่ ขอยกตัวอย่างกรณีรถขนยาเสพติดขับเข้ามา เราอาจไม่จับทันทีเพราะเจ้าหน้าที่ต้องการสะกดรอยตาม เพื่อให้ไปถึงจุดพักยา และสาวไปจนถึงเครือข่าย เพื่อจะนำไปสู่การยึดทรัพย์ หากเจอแล้วจับทันทีก็ไม่ได้อะไร อาจจะได้แค่คนรับจ้าง เป็นการตัดวงจร ทั้งนี้เรื่องการปราบกระบวนการคอลเซ็นเตอร์ไม่ได้มีกำหนดจะทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะพอใจและตอบโจทย์ของเรา
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังการตัดไฟฟ้า5 จุดประเทศเมียนมา ว่า ฟีดแบ็กก็ดีที่สามารถช่วยแก้ไขปัญหาคอลเซ็นเตอร์ได้ ส่วนในพื้นที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา และคิงส์โรมัน บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ประเทศลาว ต้องขอพิจารณาก่อน อย่าเพิ่งพูดอะไรโดยไม่มีฐานข้อมูล เราได้มีการพูดคุยกับทางการเมียนมาตลอดเวลา
ต่อมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมครม.ถึงกรณีการตัดไฟไปยังประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นแหล่งคอลเซ็นเตอร์ประเมินผลอย่างไร ว่า ตอนนี้เท่าที่ดูเรื่องของไฟฟ้าลดไปได้ 40-50% แต่มาตรการออกมายังไม่ถึง 1 สัปดาห์ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ระบุว่าหากผ่านไป 2 สัปดาห์จะสามารถประเมินผลอย่างเป็นทางการออกมาได้ เพราะการตัดไฟฝั่งเพื่อนบ้านอาจเก็บตัวเลขยากหน่อย แต่ฝั่งของเราสามารถดูตัวเลขคอลเซ็นเตอร์ที่โทรศัพท์มาหลอกลวงคนไทยลดลงอย่างไรบ้าง ซึ่งกระทรวงดีอีจะทำตัวเลขออกมา
เมื่อถามว่าหากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยจะดำเนินการอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราต้องดำเนินการแน่นอน คนที่ผิดต้องได้รับโทษไปตามนั้น
เมื่อถามต่อว่าคนไทยและคนต่างชาติที่ถูกหลอกไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่บอกจะคุยเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ คืบหน้าอย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร ตอบว่า “ใช่คะ ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ได้พูดเรื่องกลุ่มที่จะทำงานร่วมกันของทั้ง 2 ประเทศ ตอนแรกทางจีนจะมาทำให้อย่างจริงจัง แต่เราอยากให้เป็นกลุ่มทำงานร่วมกันที่สามารถประสานกันได้ก่อนให้เกิดความรวดเร็วในการแก้ปัญหา การถูกหลอกจะมาแบ่งเรื่องสัญชาติคงยาก เราอยากให้เกิดการทำงานร่วมกันให้เกิดการทำงานระหว่างประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดการกันอยู่โดยผ่านรมว.ต่างประเทศให้ดูเรื่องนี้
เมื่อถามว่ามีการมองกันว่ามาตรการฟรีวีซ่า เป็นช่องทางให้จีนเทาเข้าประเทศได้ง่ายขึ้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จีนเทาใช้ประโยชน์จากฟรีวีซ่า เราต้องมองเป็นคนละส่วนกัน การเปิดฟรีวีซ่าไม่สามารถจำกัดคนเข้าประเทศได้ แต่นี่คือการกระตุ้นการท่องเที่ยว หากจะบอกว่าไม่ได้แล้วต่อไปนี้ไม่ฟรีเพราะจีนเทาเข้ามามันคนละส่วนกัน สิ่งที่เกิดขึ้นตัวเลขปีก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวเข้ามา 27 ล้านคน ปีที่ผ่านมา 35 ล้านคน เกิดอะไรขึ้นบ้าง จีดีพีประเทศขยับหรือไม่ การท่องเที่ยวได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน มันเป็นคนละส่วนกัน ถ้าเราจะแก้ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ด้วยการยกเลิกฟรีวีซ่ามันคนละส่วนกัน การท่องเที่ยวเสียแน่นอน เพราะการท่องเที่ยวดีขึ้นมากๆเนื่องจากฟรีวีซ่า