กองปราบเปิด ปฏิบัติการ AOC CASE“แอปฯ ดูดเงิน” ทลายขบวนการปลอมเป็นเพื่อนสนิท หลอกผู้เสียหายกดลิงก์กรอกข้อมูล ดูดเงินเกือบ 1 ล้านบาท
วันที่ 10 ก.พ.พล.ต.ต.วิทยา ศรีประเสริฐภาพ ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.สุริยศักดิ์ จิราวัสน์ ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.ณัฐดนัย สีแข่ไตร สว.กก.3 บก.ป. นำกำลังพร้อมหมายศาลเปิดปฏิบัติการ OPERATION AOC Case “แอปฯ ดูดเงิน” เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย4 จุด ในพื้นที่ จ.นครปฐม ฉะเชิงเทรา ขอนแก่น และมหาสารคาม สามารถจับกุม น.ส.นุช (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้ไม่มีสถานะทางทะเบียนราษฎร์ อายุ 34 ปี ตามหมายจับศาลอาญาที่ 428/2568 ลง 22 ม.ค.68 ข้อหา “เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์โดยประการที่รู้หรือควรจะรู้ว่าจะนำไปใช้ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี” ได้หน้าห้องแถวไม่มีชื่อ ตั้งอยู่ หมู่ 4 ต.อ้อมใหญ่ อ.สามพราน จ.นครปฐม พร้อมควบคุมตัวผู้ร่วมขบวนการอีก 4 ราย
ทั้งนี้เมื่อต้นปี 66 ขณะที่ผู้เสียหายเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศ ได้มีอินสตาแกรม (IG) ปลอมที่ทราบภายหลังว่ามีคนร้ายปลอมเป็นบัญชีเพื่อนสนิท ส่งข้อความลิงก์Google form เชิญชวนเที่ยวต่างประเทศโดยให้กรอกข้อมูลส่วนตัว ชื่อ สกุล เลขบัตรประชาชน ผู้เสียหายจึงทำการกรอกไป ต่อมาเมื่อผู้เสียหายกำลังเดินทางกลับมาประเทศไทย พบว่าเงินในบัญชีสูญเกือบ 1 ล้านบาท ทำให้ได้รับความเสียหาย จึงเข้าแจ้งความพนักงานสอบสวน กก.สอท.1 ไว้
ต่อมาเจ้าหน้าที่สืบสวนทราบว่า หลังจากที่คนร้ายได้ข้อมูล จากลิงก์ Google form ที่ได้แฮกข้อมูลโดยเอาเบอร์โทรศัพท์ของผู้เสียหาย มาผูกกับบัญชีธนาคารกับโทรศัพท์อุปกรณ์ใหม่ของคนร้าย ทำการผ่องถ่ายเงิน จากบัญชีผู้เสียหาย จำนวน 26 ครั้ง รวมจำนวน 999,990 บาท ไปยังบัญชีธนาคารของ น.ส.นุช แล้วพบว่ามีการกดถอนเงินสดออก ก่อนส่งให้นายหน้าทางพัสดุ โดยมีบอสใหญ่เป็นผู้สั่งการ เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนจนทราบว่ามีบุคคลที่เกี่ยวข้องในกลุ่มขบวนการ ตั้งแต่ เจ้าของบัญชีม้า, นายหน้ารับซื้อบัญชีม้า, คนกดเงินสด, และคนรับ-ส่งพัสดุ ก่อนจะทำการเปิดปฏิบัติการดังกล่าว
สอบสวนผู้ร่วมขบวนการทั้ง 4 คนให้การรับสารภาพว่าได้ติดต่อขอซื้อบัญชีม้าจาก น.ส.นุช และทำหน้าที่ไปกดเงินสดจริง เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดรถจักรยานยนต์ จำนวน 2 คัน, เสื้อผ้าที่คนร้ายใส่ไปกดเงิน และโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง
ส่วน น.ส.นุช ให้การรับสารภาพว่าได้ขายบัญชีม้าให้คนอื่นจริง จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.สอท.1 ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป