Pi Daily ทรัมป์สั่งเก็บภาษีอลูมิเนียมและเหล็กจากทุกประเทศ แต่ส่วนใหญ่แล้วไทยส่งออกอิเล็กทรอนิกส์ไปยังสหรัฐฯ มองผลกระทบยังไม่สูงมาก ด้านตลาดหุ้นเอเชียดูไม่มีผลใดๆ

เมื่อวันที่ 10 ก.พ.68 บล.พายเผยว่า ตลาดหุ้น Dow Jones คืนวันศุกร์ปิดลบ 444 จุด (-0.9%) หลังจากประธานาธิบดีสหรัฐฯกล่าวว่าวางแผนที่จะประกาศมาตรการภาษีตอบโต้หลายประเทศในสัปดาห์หน้า ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปิดบวก 0.5% หลังจากมีการออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับการส่งออกน้ำมันดิบ

คืนวันศุกร์ที่ผ่านมาสหรัฐฯได้รายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 1.43 แสนรายต่ำกว่าคาดการณ์จาก Bloomberg Consensus ที่ 1.69 แสนรายพร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 4% ต่ำกว่าที่ Bloomberg Consensus คาดไว้ที่ 4.1% ซึ่งตัวเลขที่ออกมานั้นค่อนข้างผสมผสานมีทั้งดีและไม่ดี แต่อย่างไรก็ตามในสุดท้ายนักลงทุนหันไปให้น้ำหนักกับการประกาศของ Trump เพราะในสัปดาห์หน้าเตรียมจะประกาศขึ้นภาษีกับหลายๆประเทศ กดดันให้ในวันศุกร์ที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯเร่งตัวขึ้น จากความกังวลเงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นเพราะภาษีจะทำให้ราคาสินค้าแพงขึ้น ระยะสั้นปัจจัยข้างต้นอาจสร้างแรงกดดันต่อการลงทุนในช่วงต้นสัปดาห์

อย่างไรก็ตามสำหรับตลาดหุ้นไทยนักลงทุนกำลังให้ความสนใจกับแรงขายของ LTF ข้อมูลจาก AIMC ล่าสุดระบุว่ามูลค่าการขาย LTF ในเดือน ม.ค. ปีนี้อยู่ที่ราวๆ 1.8 หมื่นล้านบาท หากเทียบกับช่วง ม.ค. ปีก่อนอยู่ที่ 5 พันล้านบาทหรือมากกว่าถึง 3.6x โดยช่วงทั้งปี 24 เงินไหลออกจาก LTF สุทธิเพียง 3.7 หมื่นล้านบาทเทียบกับ YTD ของปี 24 ไหลออกไปแล้วมากถึง 1.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งข้อมูลล่าสุดมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของ LTF อยู่ที่ 1.88 แสนล้านบาท หรืออาจบ่งชี้ว่าแรงขาย LTF ยังสามารถเกิดขึ้นได้หลังจากนี้

สัปดาห์นี้รอติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่ประกอบไปด้วย (1) เงินเฟ้อสหรัฐฯ (CPI) ในวันพุธ Bloomberg Consensus คาดการณ์ไว้ที่ 2.9%YoY , 0.3%MoM (2) การแถลงของท่านประธาน FED ในอังคารจากการแถลงนโยบายการเงินต่อคณะกรรมการ (3) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในวันพฤหัสบดี Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 0.2%MoM (4) ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯในวันศุกร์ Bloomberg Consensus คาดการณ์ทรงตัวเทียบกับเดือนก่อนหน้า สัปดาห์นี้ประเมิน SET INDEX เคลื่อนไหวในกรอบ 1250 – 1300 ทั้งนี้ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนการปรับฐานลงมาของตลาดหุ้นไทยเชื่อว่าเกิดจากแรงขาย LTF แต่ปัจจัยพื้นฐานยังไม่มีความผิดปกติอย่างมีนัยยะประกอบกับได้แรงหนุนจากผลประกอบการหลัง

ADVANC รายงานกำไรดีกว่านักวิเคราะห์คาดการณ์ในวันศุกร์ แม้ล่าสุด Trump จะเห็นประกาศเก็บภาษีในส่วนของเหล็กและอลูมิเนียมในอัตรา 25% จากทุกประเทศในวันนี้ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นทั่วโลกในเช้านี้ดูมิได้ตอบรับเชิงลบมากเท่าใดนัก (Nikkei -0.4% Dow Jones Future +0.08%) แนะทยอสะสมในหุ้นขนาดใหญ่ อาทิ ค้าปลีก (BJC CRC CPALL HMPRO) ศูนย์การค้า (CPN) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT) ธนาคาร (BBL KBANK KTB) การเงิน (MTC SAWAD) นิคมอุตสาหกรรม (WHA)

KBANK (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 180.00 บาท)
เป้าหมายทางการเงินปี 2025 (1) สินเชื่อทรงตัว YoY ประกอบด้วยสินเชื่อบริษัทขนาดใหญ่ (Corporate) -2% ถึง 0% สินเชื่อที่ไม่ขยายตัวมาจากการชำระคืนหนี้ของลูกค้ามากกว่าความกังวลต่อคุณภาพสินเชื่อ, สินเชื่อวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) -2% ถึง 0% เน้นปล่อยสินเชื่อกลุ่มลูกค้าปัจจุบันมากกว่าขยายฐานลูกค้าใหม่, สินเชื่อรายย่อย (Retail) เติบโต 5% ถึง 7% เน้นสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อที่อยู่อาศัย และสินเชื่อบัตรเครดิต

WHA (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 6.10 บาท)
มีมุมมองที่ดีในระยะยาวกับ WHA เช่นเดิม โดยคาดว่าเป็นผู้ประกอบการที่มีปัจจัยบวกรออยู่หลายด้านทั้งในแง่ของการย้ายฐานการผลิตออกมาจากจีน การขยายการลงทุนด้าน Data Center ในประเทศไทย รวมถึงการขยายธุรกิจในกลุ่มพลังงานสะอาดที่เป็นความต้องการของอุตสาหกรรมในอนาคต นอกจากนี้ธุรกิจให้เช่ารถ EV ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก

#ข่าววันนี้ #บลพาย #ทรัมป์ #ภาษีอลูมิเนียม #สยามรัฐ #สยามรัฐออนไลน์