ผู้สื่อข่าวรายงาน ว่า เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2568 บริษัท อมตะซิตี้ ระยอง จำกัด จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 เกี่ยวกับร่างข้อเสนอในการกำหนดขอบเขตและแนวทางการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) สำหรับโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง (ส่วนขยาย) ระยะที่ 7 ณ หอประชุมที่ว่าการอำเภอปลวกแดง จังหวัดระยอง
ซึ่งการประชุมครั้งนี้ นายวัฒนะ ผาสุข ปลัดอำเภอปลวกแดง เป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วย นายนำชัย นิลทอง ผู้จัดการฝ่ายวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) และนายถิรเดช สุขใจ กำนันตำบลมาบยางพร รวมถึงตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถาบันการศึกษา สถาบันศาสนา สื่อมวลชน ประชาชนในพื้นที่และใกล้เคียงเข้าร่วมประชุม
โดย นายนำชัย เปิดเผยว่า บริษัทฯ มองเห็นแนวโน้มการเติบโตของภาคอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก โดยเฉพาะในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งครอบคลุมจังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง การขยายพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง (ส่วนขยาย) ระยะที่ 7 จึงเป็นการตอบสนองต่อนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล ภายใต้แนวคิด "อุตสาหกรรมเชิงนิเวศ" ที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบัน บริษัท อมตะซิตี้ ระยอง จำกัด ได้พัฒนาพื้นที่ในจังหวัดระยองและชลบุรี รวม 17,118.79 ไร่ และได้รับการอนุมัติจากสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) และการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) แล้ว สำหรับโครงการระยะที่ 7 มีแผนขยายพื้นที่เพิ่มอีก 2,985.63 ไร่ เพื่อรองรับโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI)
นอกจากนี้ พื้นที่ดังกล่าวยังเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งเอื้อต่อการลงทุนทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ ด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ครบครัน ทั้งโครงการรถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และท่าเรือมาบตาพุด-แหลมฉบัง ซึ่งเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ของอาเซียน ทั้งนี้บริษัทฯ เน้นย้ำว่าให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมทุกด้าน พร้อมมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบอย่างเคร่งครัด รวมถึงเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินไปได้อย่างสมดุลกับชุมชนและสิ่งแวดล้อม
สำหรับการประชุมครั้งนี้ถือเป็นก้าวแรกของกระบวนการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม สร้างความเข้าใจ และส่งเสริมความโปร่งใสในการดำเนินโครงการต่อไป