คึกคัก! “สุวัจน์” เปิดบ้านทำบุญวันเกิด 70 ปี นักการเมืองแห่ร่วมงาน เปิดใจ! นับถอยหลังทางการเมือง พร้อมช่วยงานรัฐบาล ไม่ต้องมีตำแหน่ง ไม่ปิดประตู “ชาติพัฒนา” รวม “เพื่อไทย” ด้าน “ทักษิณ” ย้ำยังไม่ถึงเวลาปรับครม.ปัดคุย “นายกฯอิ๊งค์”ดึง“ธรรมนัส” หวนนั่งเก้าอี้ รมต.ส่วน “เอกนัฎ”ลั่นไม่กังวลข่าว “ปรับครม.” ยัน“รทสช.”แน่นปึ้ก! ทำงาน ร่วมกันได้ดี “นายกฯ” หนุนทุกเรื่อง “อนุทิน” ชี้"ปรับครม." เป็นอำนาจ“นายกฯ”มั่นใจศึกซักฟอก พร้อมแจงทุกกรณี ตัดไฟเมียนมา เขากระโดง และที่ดินอัลไพน์ โวถูกอภิปรายมาตั้งแต่ปี 62
เมื่อวันที่ 9 ก.พ.68 ที่บ้านราชวิถึ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และอดีตรองนายกรัฐมนตรี เปิดบ้านราชวิถี จัดพิธีทางสงฆ์และเจริญพระพุทธมนต์ เนื่องในวันคล้ายวันเกิดอายุ ครบ 70 ปี โดยมีสมเด็จพระมหารัชมงคลมุนี หรือ สมเด็จธงชัย จากวัดไตรมิตรวิทยารามวรวิหาร เป็นประธานในพิธีสงฆ์ โดยมีครอบครัวและบุคคลในวงการการเมือง เช่น นายปานปรีย์ พหิทธานุกร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รวมถึงสมาชิกพรรคชาติพัฒนา ข้าราชการ และภาคธุรกิจ ที่มาเข้าร่วมอวยพร พร้อมมอบกระเช้าดอกไม้ และของขวัญ
ทั้งนี้ นายสุวัจน์ ให้สัมภาษณ์ในวันคล้ายวันเกิดครบรอบ 70ปี ว่า วันเกิดปีนี้70 ปีที่ 69 เป็นคุณตา ปีนี้ 70 ก็คงเป็นคุณปู่เพราะอาวุโสมากแล้ว และคิดว่าคงได้มีโอกาสทำงานทางการเมือง ซึ่งตนเองมีประสบการณ์ทางการเมืองมา 38 ปี ซึ่งตนเองคิดว่าวันนี้บ้านเมืองมีปัญหาเยอะเรื่องเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอก จคงอยากที่จะใช้ประสบการณ์ที่อยู่กับการเมืองมานานให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ในการแก้ไขปัญหาประเทศให้เป็นประโยชน์กับเศรษฐกิจระบบการเมือง และพี่น้องประชาชนทั้งนี้อยากให้เศรษฐกิจดีพี่น้องประชาชนคนไทยมีความสุข
เมื่อถามว่า บทบาททางการเมืองจะเป็นที่ปรึกษาหรือลงมาเล่นเอง นายสุวัจน์ ระบุว่า ตนเองก็เป็นมาเยอะแล้วจริงๆคิดว่าอยู่ในสถานภาพอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่ง แต่ขอให้ได้ใช้ประสบการณ์เพื่อช่วยเหลือประเทศไทย ในตำแหน่งอะไรก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเป็นนั่นเป็นนี่ ในฐานะที่ผ่านเรื่องการทำงานการเมืองและเรื่องเศรษฐกิจมาเยอะตนก็ยินดีที่จะให้คนแนะนำ และคำปรึกษาต่างๆ ซึ่เป็นเวลาที่ต้องรวมพลังระหว่างประสบการณ์ กับความทันสมัยของนักการเมืองรุ่นใหม่ทั้งนี้หากรวมพลังกันได้ ก็เชื่อว่าจะสามารถทำให้ประเทศฝ่าฟันวิกฤตไปได้
ทั้งนี้ถ้าพูดถึงจุดแข็งของรัฐบาล มองว่าจุดแข็งของรัฐบาลชุดนี้คือเสถียรภาพ เพราะ 322 เสียงกับ 171 เสียง มากกว่าฝ่ายค้านเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งถือว่ามีผลต่อการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะเป็นจำนวนคะแนนที่ค่อนข้างปลอดภัย รวมถึงการออกกฏหมายต่างๆก็ไม่น่ามีปัญหา ซึ่งเสถียรภาพของรัฐบาลในสภาแน่นปึก ไม่มีปัญหา แต่ก็ต้องคอยดูแลเสถียรภาพนอกสภา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจและชีวิตความเป็นอยู่ต่างๆต้องแก้ไขเรียบร้อย ดังนั้นจึงย้ำว่า จุดแข็งของรัฐบาลคือเสถียรภาพ
ส่วนจุดที่ยังไม่แข็งและเป็นสิ่งที่พวกเราต้องร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา คือเรื่องเศรษฐกิจที่จะต้องเร่งเครื่อง ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้กำชับเรื่องการทำงานและเศรษฐกิจต่างๆ ถึงบทบาทของประเทศไทยในเวทีต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เราจะได้ตั้งรับในภาวะเศรษฐกิจ และเห็นว่ารัฐบาลได้ทำงาน รวมถคงนายกรักฐมนตรี เป็นคนรุ่นใหม่ ทันสมัย มีประสบการณ์ทางการเมือง จึงมองว่า นายกรัฐมนตรีจะสามารถนำพาแก้ไขปัญหาได้อย่างลุล่วง ซึ่งตนก็ขอเป็นกำลังใจในฐานะนักการเมือง และพร้อมที่จะช่วยสนับสนุนภารกิจของนายกรัฐมนตรี
ส่วนเป็นห่วงเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ไม่ทราบว่าจะมีการยื่นอภิปรายเรื่องอะไร แต่ก็มั่นใจว่าเสถียรภาพและการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังเรียบร้อยดีอยู่ และรัฐบาลก็ต้องทำการบ้านชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนเข้าใจ
ส่วนการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลมีปัญหาตบจูบกันนั้น นายสุวัจน์ มองว่า การเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็หลายพรรค ซึ่งถือว่าเป็นลิ้นกับฟัน และเท่าที่ตนได้พูดคุยกับหัวหน้าพรรคการเมืองต่างๆก็ไม่มีอะไรที่เป็นความรุนแรง และไม่เข้าใจกัน ซึ่งมีแค่เพียงเรื่องเล็กๆน้อยๆที่สามารถเคลียร์กันได้ และมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่จะไปกระทบกับเสถียรภาพและการโหวตอภิปรายไม่ไว้วางใจ
เมื่อถามถึงจุดยืนทางการเมืองพรรคชาติพัฒนาจะไปรวมกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสุวัจน์ ระบุว่า จุดยืนทางการเมืองของพรรคชาติพัฒนา ว่า ปีนี้70ปีแลัว แล้วอายุก็มากแล้วก็ถือว่า countdown ทางการเมือง เพราะเวลาทางการเมืองเหลือน้อย หากมีอะไรที่จะตัดสินใจทางการเมือง ก็จะต้องคิดให้รอบคอบ และต้องตัดสินใจในแนวทางที่มั่นใจว่า แนวทางนี้จะเกิดประโยชน์สูงสุดมีพลังที่จะทำงานให้กับประเทศและประชาชนได้
เมื่อถามว่า ถ้าพูดแบบนี้เป็นการไม่ปิดทางไปรวมกับเพื่อไทยหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวย้ำว่า ก็ถือว่าอธิบายแบบนี้ว่ามีวิธีคิดคิดแบบนี้ เพราะอย่างที่ตนบอกว่าเป็นนักการเมืองมามากกว่า 30 กว่าปี ดังนั้นจึงต้องร่วมมือกัน ในการใช้ประสบการณ์ ใช้พลังทางการเมืองในการแก้ไขปัญหาประเทศ และเมื่อถึงเวลาพวกเราก็คงตัดสินใจร่วมกันให้เป็นไปในแนวทางที่มีพลังทางการเมือง ที่ทำงานเพื่อประเทศชาติได้ ส่วนจะไปอยู่ในจุดไหนรอดูสถานการณ์ทางการเมืองก่อน
นายสุวัจน์ ยังบอกด้วยว่า ตนไม่มีทายาททางการเมือง มีเพียงนายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และนายแพทย์วรรณรัตน์ ชาญนุกูล เท่านั้นที่ช่วยกันดูแลพรรค ยังไม่ได้อะไรขนาดนั้น
จากนั้นเวลา 11.00น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาร่วมอวยพรวันเกิด ครบรอบ 70ปี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา
จากนั้นนายทักษิณ ให้สัมภาษณ์ถึงประสบการทางการเมือง ถึงเวลาการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ว่า ตนกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คุยกันเป็นประจำ ทราบว่ายังไม่ถึงเวลา เพราะทุกคนยังทำงานกันได้ด้วยดี มีติดขัดเล็กน้อย แต่ยังเตือนกัน ยังไปได้ด้วยกันโดยไม่มีปัญหา
เมื่อถามว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลเสนอให้มีการปรับ ครม. นายกฯจะต้องมีการพิจารณาหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องของพรรคร่วมรัฐบาลของแต่ละพรรคที่ต้องการปรับ ขอให้ดูจังหวะ จะต้องปรับด้วยกัน ไม่ใช่แค่ปรับแค่คน หรือสองคน นอกจากจะมีตำแหน่งว่าง หรือลาออกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หากไม่ใช่เงื่อนไขนี้เชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็จะไม่มีการปรับ
เมื่อถามถึงกรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคกล้าธรรม ต้องการเปลี่ยนให้ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค มาแทนนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์นั้น นายทักษิณ กล่าวว่า คงยังไม่มี เพราะนางนฤมล และร.อ.ธรรมนัส ก็ปรึกษากันอยู่ตลอด
เมื่อถามย้ำว่า ร.อ.ธรรมนัส มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาช่วยงานรัฐบาลในตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ยังไม่มีการหารือกัน”
เมื่อถามว่าหากนายกรัฐมนตรีต้องการที่จะปรับ ครม. ต้องปรึกษากับนายทักษิณก่อนหรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ไม่เห็นมีอะไร ก็พูดคุยกัน แต่อำนาจทั้งหมดเป็นของนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามถึงของขวัญที่นายทักษิณมอบนายสุวัจน์ในวันเกิดวันนี้ใช่ตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายทักษิณ หัวเราะ ก่อนกล่าวว่า เผอิญตนเองไม่ใช่นายกฯ แต่เป็นพ่อนายกฯ
นอกจากนี้ นายทักษิณ ยังให้สัมภาษณ์กรณีที่ พล.ต.อ.นายหนึ่ง เคยมีความสัมพันธ์และเคยร่วมชะตากรรมกับนายทักษิณ แต่จะขอย้ายไปอยู่ฝ่ายค้าน ว่า ต้องใช้คำว่าเคยมีความสัมพันธ์ แต่ปัจจุบันต้องใช้คำว่าเคยมีความสัมพันธ์ที่ดี
เมื่อถามว่าหลังจากนี้ยังมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ พล.ต.อ.นายนี้ ใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า “ไม่ทราบครับ แต่เคยมี”
เมื่อถามว่าการที่ พล.ต.อ.นายนี้ ยื่นเอกสารให้ฝ่ายค้านซักฟอกรัฐบาล กรณีการรักษาตัวชั้น 14 ที่ รพ.ตำรวจ นายทักษิณ กล่าวว่า “ในฐานะตำรวจเก่า รู้จักแต่ พล.ต.อ.ที่เป็นผู้ชาย พล.ต.อ.ผู้หญิง ผมไม่รู้จัก”
เมื่อถามถึงศึกซักฟอกครั้งนี้จะทำให้เกิดแรงสะเทือนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นประเด็นฝุ่น PM 2.5 ,กาสิโน หรือการตัดไฟในเมียนมา นายทักษิณ กล่าวว่า แน่นอน รัฐบาลมีหน้าที่ตอบ เรื่องฝุ่นมีมานาน คงไม่หายช่วงข้ามคืน แต่รัฐบาลก็มีมาตรการออกมาเรื่อยๆ
เมื่อพยายามถามว่า พล.ต.อ.หญิง คือใคร นายทักษิณ พยายามย้ำว่า “ไม่รู้ ในประเทศไทยเรามีแต่ พล.ต.อ.ชาย ไม่มี พล.ต.อ.หญิง”
เมื่อถามถึงก่อนหน้านี้เคยเอ่ยชื่อหรือเปรียบเปรยถึง พล.ต.อ.หญิง ใช่หรือไม่ นายทักษิณ กล่าวว่า ก็บอกแล้วไงว่าไม่มี พล.ต.อ.หญิง ใครอยากจะเป็นคนแรกก็เป็น ส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยเอ่ยชื่อนั้น ตนไม่รู้ ตนเป็นลูกผู้ชาย
ส่วน นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวถึงกระแสการปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)ที่ทุกครั้งมีชื่อพรรครวมไทยสร้างชาติรวมอยู่ด้วย ว่า ไม่รู้สึกกวนใจใดๆทั้งสิ้น และตนรวมถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เมื่ออยู่ในตำแหน่งพร้อมทำงานเต็มที่ และอำนาจการปรับ ครม.ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐมนตรี และที่ฟังดูนายกรัฐมนตรีมีความชัดเจนว่า ครม.ทำงานด้วยกันเป็นอย่างดี และงานในหน้าที่ของตน คือกระทรวงอุตสาหกรรม และของนายพีระพันธุ์ คือกระทรวงพลังงาน ก็ได้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีทุกเรื่อง
เมื่อถามว่า หากมีการปรับ ครม.จริงๆพรรครวมไทยสร้างชาติจะมีการขยับปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือไม่ นายเอกนัฏ กล่าวว่า ยังไม่คิดถึงเรื่องนั้น มีแต่กำชับในพรรคให้ทำงานอย่างเต็มที่ อย่างที่บอกเราอยู่ในการเมืองไม่มีอะไรแน่นอน ในความไม่แน่นอนเราก็ต้องตั้งสติให้ดี อยู่กับปัจจุบันทำงานให้เต็มที่ ทำให้ดีทุกวันแค่นี้เองคิดมากไปกว่านี้มันจะเครียดไปเปล่าๆ
เมื่อถามว่าระยะเวลาในการปรับ ครม.ควรอยู่ในช่วงใด นายเอกนัฏ กล่าวว่า เป็นเรื่องของนายกฯ ไม่ใช่เรื่องของรัฐมนตรี แต่ขณะนี้ยังไม่มีการส่งสัญญาณมาถึงพรรคร่วมรัฐบาล ทุกวันนี้นายกรัฐมนตรีกำชับให้ทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนความสัมพันธ์ในพรรครวมไทยสร้างชาติ แน่นมาก
ด้าน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกระแสการปรับ ครม. ในสัดส่วนพรรคภูมิใจไทยว่า นายกรัฐมนตรีพูดถึงการปรับ ครม. ต้องถามนายกฯ ท่านเดียว ถามผู้อื่นไม่ได้เพราะเป็นสิทธิ์ของนายกฯ
เมื่อถามว่า หากพรรคร่วมรัฐบาลจะขอปรับ ครม. ตามกระแสข่าวที่ว่าทพรรคกล้าธรรม จะส่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กลับมารับตำแหน่งแหน่งรัฐมนตรี นายอนุทิน เผยว่า ก็เป็นเรื่องพรรคร่วมในการตัดสินใจและพิจารณา หากจะมีการปรับ ก็จะแจ้งพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนการตัดสินใจหรือพิจารณา ก็เป็นเรื่องของนายกฯ
เมื่อถามย้ำว่าการที่มีชื่อของ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาเกรงว่าเป็นปัญหาหรือไม่ นายอนุทิน ย้ำว่า “เอาตัวผมให้รอดก่อน“ ภูมิใจไทยยืนยันที่จะสนับสนุนรัฐบาลและนายกฯ ทำภารกิจทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จ ส่วนพรรคภูมิใจไทยจะมีการขยับตำแหน่งหรือไม่ ขอให้รับแจ้งจาก นายกฯ ก่อน
เมื่อถามว่าการที่ นส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พูดว่าอยากทำงานต่อเนื่อง หรือการต้องปรับ ครม. จำเป็นต้องมีทุก 6 เดือน หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า นายกฯ พูดเมื่อวาน (8 พ.ย.) ชัดเจนตอนตนอยู่ข้างหลังว่า เพิ่งทำงานมา 5 เดือนกว่า อยากทำงานต่อเนื่อง ส่วนเรื่องปรับ ครม. บ่อยๆ ที่ถูกพูดถึง ที่กล่าวถึง ที่ถูกประเมินโดยสื่อ อาจจะทำให้ไม่สบายใจ หากมีข่าวออกมาเยอะข้าราชการจะทำงานลำบาก ส่วนตัวมองว่านายกฯ มีมุมมองที่ดี ทำให้นายกฯ ได้แสดงเจตนารมณ์
เมื่อพยายามถามย้ำว่า ได้คุยกับนายกฯ นอกรอบในเรื่องการปรับ ครม. หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า ไม่ได้คุย เมื่อถามว่าการนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดว่า รัฐมนตรีบางคนอาจจะทำงานล่าช้าเป็นนางรำ นายอนุทิน ยิ้มก่อนจะตอบสั้นๆ ว่า "ผมไม่รู้อยู่เมืองจีน อยากให้ฟังนายกฯ คนเดียว”
นายอนุทิน ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมฝ่ายค้านเตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เรื่องการตัดไฟเมียนมา, เขากระโดง และที่ดินอัลไพน์ ว่า ตนเป็นรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2562 ซึ่งปีนี้เข้าสู่ปีที่หกแล้ว ไม่ได้โดนปีเดียว ไม่เป็นไร พร้อมชี้แจงในทุกกรณี ซึ่งเป็นสิทธิ์ของฝ่ายค้านที่จะต้องพยายามซักฟอก เพื่อให้รัฐบาลได้ชี้แจง ซึ่งถ้าเราทำอะไรด้วยความสุจริตใจ ก็สามารถชี้แจงได้เหมือนทุกปีที่ผ่านมา ซึ่งตนเองได้รับความไว้วางใจมาโดยตลอด
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมีความมั่นใจว่ามีข้อมูล ที่จะทำให้สะเทือนพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นายอนุทิน กล่าวยืนยันว่า ตนเองมั่นใจว่าตอบได้ และมั่นใจว่าจะได้รับความมั่นใจจากพรรคร่วมรัฐบาล