ชุดสืบสวน สภ.เวฬุวัน เร่งแกะรอยกล้องวงจรปิดล่าโจ๋ รุมทำร้าย-ชืงทรัพย์ลุงขับรถทัวร์นำเทียว 

จากกรณีคนร้ายเป็นชาย 3 คน ก่อเหตุปล้นทรัพย์นายสมศรี ศรีนุ้ย คนขับรถทัวร์บริษัททัวร์ท่องเที่ยว อยู่บ้านเลขที่ 13/1 ม.20 ต.สาวะถี อ.เมือง จ.ขอนแก่น ที่บริเวณริมถนนสายบ้านหนองปอ-บ้านวังตอ ก่อนถึงสะพานบ้านวังตอประมาณ 200 เมตร ในพื้นที่บ้านหนองปอ หมู่ 2 ตำบลบ้านค้อ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น เมื่อคืนวันที่ 8 ก.พ.2568 ที่ผ่านมา ได้กระเป๋าสะพายมีเงินสดจำนวน 25,000 บาทตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วน้ัน

ความคืบหน้าในเรื่องนี้เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 9 ก.พ.2568 ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่จุดเกิดเหตุตามคำ ให้ข้อมูลว่าถูกคนร้ายเป็น ชาย 3 คน ขับรถจักรยานยนต์มากัน 2 คัน เริ่มตามประกบจากบริเวณโค้ง 3 แยกปั๊มน้ำมันห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม.ซึ่งจากการลงพื้นที่ขอผู้สื่อข่าวพบว่า จุดนี้มีกล้องวงจรปิด 2 มุมแต่ชำรุด พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่บอกว่า ปกติจะไม่มีวัยรุ่นหรือคนมารวมกลุ่มกันในจุดนี้ ซึ่งในวันเกิดเหตุเมื่อคืนนั้น ก็ไม่มีใครมารวมกลุ่มกันแต่อย่างใด

พร้อมกันนี้ผู้สื่อข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพคุณลุงสมศรี ขณะขับรถจักรยานยนต์ ฮอนด้าเวฟ สีแดงดำ ทะเบียน 2 กฏ-4473 ขอนแก่น สวมหมวกกันน็อคครึ่งใบสีเหลือง ผ่านหมู่บ้านโนนเรืองไปในเวลา 20.51 น. และขับตรงยาวมาผ่านหน้าเทศบาลตำบลบ้านค้อไปในเวลา 20.55 น. ซึ่งห่างจาก 3 แยกที่ลุงสมศรีให้ข้อมูลกับตำรวจว่าเริ่มมีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์มา 2 คันตามประกบประมาณ 1 กม. ก่อนจะพบว่ามีกล้องวงจรปิดของร้านค้าบริเวณนั้นจับภาพคุณลุงสมศรีได้ก่อนถึง สามแยกประมาณ 200 เมตรในเวลา 20.56 น.

และมีกล้องวงจรปิดอีกมุมที่นายสมศรีให้ข้อมูลว่ารถจักรยานยนต์ของคนร้ายขับมาเส้นทางดังกล่าวและมาพบกับคุณลุงพอดี ซึ่งจากการตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดริมถนนเส้นทางดังกล่าวที่บันทึกภาพในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันไม่พบว่ามีรถจักรยานยนต์ขับผ่านไปทางที่คุณลุงสมศรีขับมาแต่อย่างใด

พ.ต.อ.ถนอมสิทธิ์ วงษ์วิจารณ์ รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น รักษาราชการแทน ผกก.สภ.เวฬวัน กล่าวว่า ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดตามเส้นทางที่ผู้เสียหายขับขี่รถจักรยานยนต์ผ่านมาแต่ยังไม่พบผู้ต้องสงสัย และทางตำรวจเองก็ตั้งข้อสังเกตเพื่อเป็นแนวทางการสืบสวนสอบสวนไว้สองประเด็น คือเกิดเหตุขึ้นจริง และ อาจจะไม่มีเหตุการณ์ตามที่ผู้เสียหายแจ้งความเอาไว้ แต่ในฐานะตำรวจเมื่อมีผู้เสียหายได้รับความเดือดร้อนเข้าแจ้งความ ทางตำรวจก็จะต้องมีการสืบสวนสอบสวนให้กระจ่างด้วยพยานหลักฐานต่างๆที่ปรากฎ 

"หากพบว่ามีความผิดในส่วนใดปรากฎก็จะต้องดำเนินการเอาผิดตามกฎหมาย แต่หากการแจ้งความเป็นการแจ้งความเท็จผู้แจ้งก็จะมีความผิดตามกฎหมายด้วยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทางตำรวจเองจะไม่ปรักปรำใครจนกว่าการสืบสวนสอบสวนจะปรากฎชี้ชัดเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างลงพื้นที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดและสืบหาเบาะแสต่างๆดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป"