เมื่อวันที่ 8 ก.พ.68 นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กระบุว่า

รัฐบาลครับบอกได้คำเดียวตอนนี้ว่า ทำงานใหญ่ ใจต้องนิ่ง !!

หนังฉากแรกของ “ผู้เสียประโยชน์“ ซึ่งก็คือพวกนายทุนธุรกิจดำทั้งหลาย จากมาตรการเด็ดขาดตัดไฟฟ้า น้ำมันและสัญญาณอินเตอร์เน็ตฝั่งเมียนมา ฉากต่อไปเร่งระดมคนที่ไม่รู้เรื่องก่อม๊อบต่อต้านให้มากขึ้น

เห็นการชุมนุมประท้วงของชาวเมียนมาในเมียวดี ซึ่งเดิมบอกว่าจะออกมาเดินขบวนกันหลายพันคน เพื่อเรียกร้องไทยยกเลิกมาตรการกดดันไฟ-น้ำมัน แต่พอมากันจริง หน่วยงานความมั่นคงไทยบอกว่า 30 คน ในขณะเดียวกันชาวเมียนมาส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการประท้วงนี้เพราะรู้กันว่าใครอยู่เบื้องหลัง

ผ่านมา 3 วันกับมาตรการกดดันแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ของรัฐบาลไทย ก็พอจะมองเห็นทิศทางว่าจะกดดันพวกนั้นได้จริงไหม เพราะอย่างที่เห็นว่า เมืองสแกมเมอร์ ยังมีไฟฟ้าใช้ เพราะเตรียมสำรองน้ำมัน และโซลล่าเซลล์ไว้ และไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้ อย่างที่เปิดเผยกันมาว่าจะอยู่ได้ไม่ต่ำกว่า 3 เดือน ก็ต้องรอดูว่าจะอดทนกันได้ขนาดไหน

ในขณะเดียวกันพวกกองกำลังชาติพันธุ์ที่คุ้มครองธุรกิจเหล่านี้ก็จะพยายามลบภาพเดิมและสร้างภาพใหม่ว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องและเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้โดยการประสานทางการไทยเแจ้งว่าจะปล่อยตัวเหยื่อและผู้ที่ได้รับผลกระทบจากขบวนการค้ามนุษย์ที่อยู่ในพื้นที่ของ BGF และ DKBA จำนวนหลักพัน (1-2 พันคน) เพื่อแสดงความบริสุทธิ์และความตั้งใจจริงของพวกนี้ เพื่อแสวงประโยชน์กับโอกาสการได้กลับมาซึ่งไฟฟ้า น้ำมันและสัญญาณอินเตอร์เน็ต !!

เหมือนกับความพยายามล้างมือในอ่างทองคำและสร้างภาพตัวเองใหม่ว่าไม่เกี่ยวข้องแถมจะปราบปรามให้ด้วย !!

อย่าหลงกลกับม็อบจัดตั้งประท้วงไทย อย่าหลงทางกับการจัดการแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และอย่าหลงเสน่ห์จากการลบภาพและวาดใหม่ของกลุ่มที่ไม่มีความจริงใจว่าเปลี่ยนตัวเองเป็นคนดีแล้ว !!

เราต้องปราบให้หนัก ถอนรากถอนโคนไอ้แก๊งค์คอลเซนเตอร์ บัญชีม้า ซิมม้า ที่มาบวกกับความเลวร้านของขบวนการนำพาและการค้ามนุษย์นี่ให้ราบคราบ

รัฐบาลไทยต้องไม่หลงทางกับเกมต่อรองของกลุ่มที่เสียผลประโยชน์ หากจะจัดการกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์พวกนี้ก็ต้องเด็ดขาด ต้องไม่อ่อนข้อกับมาตรการยาแรง เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นว่า เราแค่เล่นละครเอาใจจีนอย่างที่คาดการณ์กันไว้ก่อนหน้านี้

และไม่ควรหลงทางใจดีเห็นว่าเค้าช่วยคืนเหยื่อค้ามนุษย์หลักพันแล้วจะยอมคืนทุกอย่างให้เหมือนเดิม เพราะการช่วยชีวิตของเหยื่อต่างๆ เหล่านี้ต้องตั้งบนฐานมนุษยธรรมที่ไม่มีการต่อรอง และมันเป็นหน้าที่หลักของทุกคนที่ต้องช่วยชีวิตคน โดยเฉพาะคุณที่เป็นกำลังหน่วยความมั่นคงและอำนาจประจำถิ่นที่ต้องปกป้องชีวิตคนบริสุทธิ์โดยไม่มีข้อแม้ ช่วยออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และอย่าต่อรองเรื่องมาตรการตัดไฟฟ้า น้ำมันและอินเตอร์เน็ต เอาไว้มาคุยกันเรื่องอื่นดีกว่า

ผมบอกไปหลายครั้งว่ามีชื่อเหยื่อหลักพันคนและพิกัดของคอลเซนเตอร์ตลอดฝั่งเมียนมามานานแล้ว หากรัฐบาลอยากได้ไปประสานฝั่งนู้นบอกนะครับ พร้อม !