กรมพัฒนาที่ดิน รณรงค์ “ไถกลบตอซังคนละครึ่ง” ในพื้นที่นาข้าว หยุดเผา! ลดฝุ่น PM 2.5 ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม จังหวัดสมุทรปราการ

วันที่ 8 ก.พ.68 กรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  จัดพิธีเปิดงานโครงการรณรงค์ไถกลบตอซังคนละครึ่ง ภายใต้แนวคิด “สลายตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม” ประจำปีงบประมาณ 2568 โดยได้รับเกียรติจาก นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน โดยมี ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวรายงาน นายประทีป นทีทวีวัฒน์  รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวต้อนรับ นายสุรชาติ มาลาศรี รองอธิบดีกรมพัฒนาที่ดินด้านปฏิบัติการ  นายชาคริต อินนะระ ผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 ผู้อำนวยการสถานีพัฒนาที่ดินในสังกัด สพข. 1  ผู้แทนหน่วยงานราชการ เอกชน หมอดินอาสา เกษตรกร เข้าร่วมงานกว่า 300 คน และภายหลังพิธีเปิดรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมสาธิตการไถกลบตอซังและเทน้ำหมักชีวภาพเพื่อย่อยสลายตอซังข้าว ณ แปลงนาเกษตรกร ข้างบริษัท เอส.เค. 2002 การโยธา จำกัด ตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ โดยมีการถ่ายทอดสด Facebook live ผ่านเพจกรมพัฒนาที่ดิน 

นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขานรับนโยบายรัฐบาลในการรณรงค์ให้ประชาชนลดและเลิกการเผาวัสดุทางการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 (PM 2.5) จากภาคการเกษตร โดยมอบหมายให้กรมพัฒนาที่ดิน จัดงาน โครงการรณรงค์ไถกลบตอซังคนละครึ่ง ภายใต้แนวคิด “สลายตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม” ประจำปีงบประมาณ 2568 และร่วมบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ ขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม เพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายการลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิให้เป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2613 ด้วยการไถกลบตอซังข้าวแทนการเผา จึงขอให้ทุกภาคส่วนได้ร่วมมือกัน เพื่อหยุดการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม สนับสนุนและผลักดันกิจกรรมของทุกหน่วยงาน ให้เกิดความตระหนักรู้ ถึงปัญหาจากการเผาที่ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรดิน ลดปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม สุขภาพของประชาชน เศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

ด้าน ดร.ทวีศักดิ์ ธนเดโชพล อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าวว่า พื้นที่จังหวัดสมุทรปราการสามารถทำนาได้ทั้งปีเนื่องจากอยู่ในเขตชลประทาน หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิตจะมีฟางข้าวและตอซังเหลือในแปลงนาจำนวนมาก  ซึ่งบางส่วนถูกเผาทำลาย ส่งผลให้ดินเสื่อมโทรม สูญเสียจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ และก่อให้เกิดมลพิษ กรมพัฒนาที่ดิน มีภารกิจในการอนุรักษ์ฟื้นฟูทรัพยากรดิน และเป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมให้เกษตรกร ลด ละ เลิก การเผาเศษวัสดุทางการเกษตร จึงมอบหมายให้สถานีพัฒนาที่ดินสมุทรปราการ สำนักงานพัฒนาที่ดินเขต 1 จัดงานโครงการรณรงค์ไถกลบตอซังคนละครึ่ง ภายใต้แนวคิด “สลายตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม” ประจำปีงบประมาณ 2568  เพื่อสร้างความตระหนักให้เกษตรกรทำเกษตรกรรมที่ไม่เผาฟางและตอซังพืช รวมถึงรณรงค์ ส่งเสริม และสนับสนุนให้องค์ความรู้แก่เกษตรกรในด้านการใช้น้ำหมักชีวภาพจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.2 เพื่อหมักฟางข้าวและตอซังให้เกิดเป็นปุ๋ยในแปลงนา ร่วมกับการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพจากสารเร่งซุปเปอร์ พด.1 เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุในดิน ทำให้โครงสร้างดินเหมาะสมต่อการเพาะปลูก ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมี ช่วยลดความเป็นพิษจากดินเค็ม สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินได้อย่างเหมาะสมและยั่งยืน และยังช่วยลดปัญหาหมอกควัน ฝุ่นละออง และลดผลกระทบต่อการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นการดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลในการรณรงค์ให้ประชาชนลด และเลิกการเผาวัสดุทางการเกษตร เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 (PM 2.5) จากภาคการเกษตร และสอดคล้องกับมาตรการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาการเผาในพื้นที่เกษตรกรรม ปี 2568 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อีกด้วย

“กรมพัฒนาที่ดิน จะเดินหน้าส่งเสริมองค์ความรู้ให้เกษตรกรทั่วประเทศ ต่อยอดการทำเกษตรกรรมที่ยั่งยืน พร้อมร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนนโยบายลดการเผาในภาคการเกษตร เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม ลดฝุ่น PM 2.5 และสร้างความมั่นคงให้กับภาคเกษตรกรรมไทย“ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน กล่าว

ขณะที่ นายประทีป นทีทวีวัฒน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดงาน โครงการรณรงค์ไถกลบตอซังคนละครึ่ง ภายใต้แนวคิด “สลายตอซัง สร้างดินยั่งยืน ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม” ประจำปีงบประมาณ 2568 ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมพัฒนาที่ดิน เป็นการช่วยประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตระหนักถึงการไม่เผาฟางและตอซังพืช ลดปัญหาหมอกควัน มลพิษจากฝุ่นควัน ไม่ทำลายโครงสร้างดินและจุลินทรีย์ดินที่เป็นประโยชน์ รวมถึงทำให้เห็นประโยชน์ของการไถกลบตอซังแทนการเผาที่สามารถช่วยเพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุในดิน และปรับปรุงโครงสร้างของดินให้มีคุณภาพที่ดีขึ้น