เมื่อเวลา 15.50 น. วันที่ 8 ก.พ. 68  ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง น.ส แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ ในการหารือนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน และนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีนถึงเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ว่า ดีมาก ซึ่งทางจีนก็สนับสนุน ในส่วนของประธานาธิบดีจีนก็ชื่นชมว่าสิ่งประเทศไทยทำเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด 

 

เมื่อถามว่า ทางการจีนจะสนับสนุนเรื่องการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์อย่างไรบ้าง น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้องทำงานร่วมกัน ทางการจีนก็จะเข้มข้นในเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่กระทบไปทั่วโลก โดยทางการไทยได้ส่งรายละเอียดให้คณะทำงานไทยและจีนที่ทำเรื่องนี้โดยเฉพาะ หากมีรายละเอียดอื่นๆ เพิ่มเติมก็ส่งให้คณะทำงานได้ ทั้งนี้หากมีโอกาสได้เจอกับประธานาธิบดีจีนและนายกรัฐมนตรีจีนอีกก็จะมีการพูดคุยความคืบหน้าในเรื่องนี้ตามกรอบที่ตกลงกันไว้

 

เมื่อถามว่า ภายหลังจากการตัดไฟ และสัญญาณอินเทอร์เน็ตแล้ว 5 จุดในฝั่งเมียนมาแล้วขั้นตอนต่อไป จะมีการดำเนินการอย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เราต้องดูเรื่องตัวเลขว่า ผลที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไรบ้าง ลดได้แค่ไหน ประชาชนมีการตอบรับอย่างไร เพราะการทำสิ่งเหล่านี้ คือการรักษาผลประโยชน์ของประชาชน และป้องกันภัยอันตรายจากเรื่องพวกนี้ 

 

เมื่อถามว่า ขณะนี้ประชาชนชาวเมืองเมียวดีประเทศเมียนมา ออกมาประท้วงประเทศไทยในการตัดไฟจะรับมืออย่างไร น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า "อย่างที่บอก เราต้องดูแลคนของเรา เพราะดิฉันเป็นนายกฯ ของประเทศไทยก็ต้องดูแลประเทศไทยก่อน คิดว่าทางนั้น เขาก็ต้องดูแลคนในประเทศของเขาเช่นกัน ทุกประเทศต้องดูแลคนของตัวเอง "

 

เมื่อถามว่า แต่ประชาชนเมียนมา ออกมาต่อต้านการซื้อสิ้นค้าจากประเทศไทย น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า เป็นเรื่องที่รัฐบาลกับรัฐบาลจะพูดคุยกันในรายละเอียด

 

เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ระบุว่า มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่บริเวณตึก 25 ชั้น ที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชาและจะมีการถอนสัญชาติไทยนั้น น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ในรายละเอียดสามารถทำได้อีกเยอะ สิ่งที่นายทักษิณพูดก็เป็นข้อแนะนำ ทั้งนี้ตนมีภารกิจไปเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะนำเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไปหารือด้วย