วันที่ 8 ก.พ.68 นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ ว่า หลังจากที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้บรรจุระเบียบวาระการประชุมร่วมกันของรัฐสภาในวันที่ 13 -14 ก.พ.นี้ เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติมการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อเปิดทางยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งมีการเสนอมา 2 ร่าง คือร่างของพรรคเพื่อไทย กับร่างของพรรคประชาชนนั้น ตนไม่เห็นด้วยและคัดค้านมาโดยตลอด โดยเฉพาะร่างของพรรคประชาชน เรื่องการแก้ไขในมาตรา 256 (8) แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 1 บททั่วไปและหมวด 2 พระมหากษัตริย์ รวมถึงเรื่องเกี่ยวกับหน้าที่หรืออำนาจศาลหรือองค์กรอิสระ ซึ่งที่มีอยู่ถือว่าดีอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ในการเสนอแก้ไขมาตรา 256(6 ) ตนก็ขอคัดค้านที่จะมีการถอดอำนาจของวุฒิสภาที่จะต้องใช้เสียงในการเห็นชอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 1 กับวาระที่ 3 จำนวน 1 ใน 3 ออกในการเห็นชอบผ่านร่าง เพราะเป็นการริบอำนาจ สว.อย่างชัดเจน ซึ่งขัดต่อเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญเรื่องอำนาจหน้าที่การตรวจสอบถ่วงดุลของสมาชิกรัฐสภา ทั้งนี้ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สมาชิกรัฐสภาทุกคนจะต้องพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบร่วมกันคือ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4 / 2564 ที่เป็นบรรทัดฐานไว้แล้ว ว่าในการแก้ไขและร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับต้องจัดทำประชามติก่อน และหลังจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ หากไม่ทำประชามติท้ายที่สุดจะมีปัญหาภายหลังเรื่องความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของร่างรัฐธรรมนูญที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมตามมาอย่างแน่นอน เนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับ ปี 2560 ผ่านการทำประชามติมาแล้ว หากจะมีการแก้ไขและยกร่างฉบับใหม่ ก็ต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนก่อน
“ผมย้ำจุดยืนชัดเจนมาตลอด ว่าแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราสามารถแก้ได้ แต่ต้องไม่แตะหมวด1 หมวด 2 ที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ และถ้าจะยกร่างทั้งฉบับโดยไม่ทำประชามติขอเตือนว่าเป็นความสุ่มเสี่ยงอย่างมาก ทั้งต่อผู้เสนอร่างและสมาชิกรัฐสภาที่ร่วมพิจารณาเห็นชอบร่างด้วย ซึ่งสุ่มเสี่ยงที่จะถูกฟ้องเอาผิดฐานละเว้นหรือปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง และอาจถูกส่งให้ป.ป.ช.ถอดถอนได้ ผมเชื่อว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 ครั้งนี้ คงยากที่จะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา เพราะอยู่บนฐานความเสี่ยง“ นายธนกร กล่าว