กรณีครอบครัวหนึ่ง เป็นคนจังหวัดพัทลุง มีลูก 2 คน ชื่อว่า “ปิง” เป็นพี่สาวคนโต และ “แป๋ว” เป็นลูกสาวคนเล็ก แป๋วบอกอยู่ต่างประเทศ ฝากพ่อแม่ให้หลานดูแล ไปๆ มาๆ ล่าสุดแป๋วเข้าแจ้งความ อ้างปิงเอาตัวพ่อแม่ไปกักตัว คาดปิงคงอยากให้พ่อแม่เซ็นมอบพินัยกรรมให้ ขณะที่ปิงสวนกลับ หนังคนละม้วน

รายการ โหนกระแส วันที่ 7 ก.พ. 68 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 สัมภาษณ์สองฝั่ง แป๋ว , กิต หลานฝั่งตา, ป้อม หลานฝั่งยาย อีกฝั่ง ปิง พี่สาว, วรรณา ญาติ และแม่บ้าน , ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล

 

แป๋ว เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น?

แป๋ว : ติดต่อพ่อไม่ได้ค่ะ แป๋วอยู่อิตาลี มีครอบครัวอยู่ที่นั่น อยู่มา 11 ปีแล้ว เราส่งเสียดูแลพ่อแม่ตลอด

มีปัญหากับพี่ปิงมาก่อนมั้ย?

แป๋ว : ไม่ค่อยมีเท่าไหร่ค่ะ อยู่อิตาลีก็ติดต่อคุยกันตลอดค่ะ

เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น พ่อหายได้ยังไง?

แป๋ว : ล่าสุดที่กลับอิตาลี พี่สาวมารับตัวไป แล้วพาไปอยู่บ้านพี่สาว อยู่ได้ 2 เดือน ก็พาพ่อไปอยู่บ้านเช่า หลังจากนั้นก็ติดต่อพ่อไม่ได้อีกเลย โทรศัพท์พ่อก็โดนปิดไปเลย โทรไลน์ โทรธรรมดาก็ไม่ติดค่ะ

พ่อกับแม่อายุเท่าไหร่?

แป๋ว : พ่อ 83 ค่ะ แม่ 79 ค่ะ แป๋ว 46

คุณปิงล่ะ?

ปิง : 54 ค่ะ

พ่อกับแม่ป่วยเป็นอะไร?

แป๋ว : พ่อเคยเส้นเลือดแตกในสมองค่ะ แต่เป็นนานแล้ว รักษาหายแล้ว แต่ต้องกินยาละลายลิ่มเลือด ยาความดัน ยาไขมัน ส่วนแม่ตอนนี้ติดเตียงค่ะ ประมาณ 2 ปีที่แล้ว แต่เมื่อก่อนแม่เดินได้ค่ะ แม่ติดเตียงตอนฉีดวัคซีน จำอะไรไม่ค่อยได้นิดหน่อย หลังจากนั้นแป๋วกลับไปอิตาลี กลับมาอีกทีแม่ติดเตียงไปแล้วค่ะ

พ่อแม่อยู่ในความดูแลของใคร?

แป๋ว : เขาอยู่ที่บ้านเดิมค่ะ ตอนนั้นพ่อหุงข้าวได้ มีพี่สาวส่งกับข้าว ถ้าอยากได้กับข้าวอะไร พ่อจะฝากพี่ป้อมกับกิตซื้อให้

ล่าสุดเกิดอะไรขึ้น?

แป๋ว : ติดต่อพ่อไม่ได้ ตามจากจีพีเอสพ่อจากโทรศัพท์ แป๋วซื้อโทรศัพท์ให้พ่อ มีไลน์ เติมเน็ตให้ตลอด แต่โทรศัพท์โดนปิดเครื่องไป ก็เลยติดต่อดูจีพีเอส ดูจากจีเมล จุดสิ้นสุดโทรศัพท์ไปอยู่บ้านเช่าหลังนึง ที่เคทูเอฟแมนชั่น

คุณอยู่อิตาลี พยายามติดต่อพ่อกับแม่ ก็เลยดูจีพีเอส เห็นครั้งสุดท้ายอยู่ที่บ้านเช่าหลังนึง คุณติดต่อมาที่กิตมั้ย?

แป๋ว :  ติดต่อค่ะ ให้กิตกับป้อมขับรถไปตามหา

ธรรมดาใครเป็นคนดูแลพ่อแม่?

แป๋ว : ก่อนหน้านั้นอยู่กับแป๋ว เพราะแป๋วอยู่บ้าน 4 เดือน วันที่เราเดินทาง เขามาเอาตัวไป แป๋วมาตั้งแต่มิ.ย. เดินทางกลับอิตาลีวันที่ 27 ก.ย. 67

พอคุณเดินทางไป แล้วติดต่อพ่อไม่ได้เหรอ?

แป๋ว : ติดต่อพ่อไม่ได้เดือนธ.ค.ค่ะ  ก่อนธ.ค.ยังติดต่อได้บ้าง เดือนละครั้งสองครั้งค่ะ

คุณมีข้อพิพาทกับพี่ปิงมั้ย?

แป๋ว : มีค่ะ เรื่องให้แม่กินยาจิตเวชค่ะ ตอนนั้นไม่ได้อยู่ที่เมืองไทย เขาเป็นคนบอกค่ะ เรื่องอื่นไม่มี มีเรื่องนี้เรื่องเดียวที่ทำให้เกิดการทะเลาะขึ้นมา เขาบอกว่าแม่หลับแล้วนอนเยอะ แพ้ยา แป๋วถามว่าให้แม่กินยาอะไรไป เขาบอกให้กินยาจิตเวช ก็บอกให้หยุดยาสิ เขาบอกถ้าหยุดยาแม่ก็โวยวาย ด่าคนโน้นคนนี้ แป๋วก็บอกว่าไม่เป็นไร แค่ด่า มันไม่ได้เสียหายอะไร แค่ด่าเฉยๆ แล้วก็ด่ากันวันนั้นค่ะ ทะเลาะกันเลย

เห็นว่ามีปัญหาเรื่องมรดกที่ดินแปลงนึง?

แป๋ว : ค่ะ ที่ดิน 6 ไร่กว่า แบ่งเป็นสองแปลง ก่อนหน้านี้ 4 ไร่เป็นชื่อของพ่อแปลงนึง อีก 2 ไร่เป็นชื่อของพ่อกับแม่ค่ะ

พี่เขาอยากได้เหรอ?

แป๋ว : เขาไปพูดกับพี่เป็ด ลูกของป้า เขาบอกว่าเดี๋ยวเอาพ่อไปฟ้องแป๋ว เอาที่ดินคืนเสร็จเดี๋ยวส่งกลับให้มัน หมายถึงเอาไปฟ้องศาล ให้พ่อเอาที่ดินคืน

ที่ดินเป็นของพ่อแม่?

แป๋ว : ตอนนั้นพ่อโอนที่ให้แป๋วแล้ว 6 ไร่กว่านี่แหละค่ะ

ปิง :  กิตไม่ใช่ญาตินะคะ เป็นเพื่อนบ้านที่เคยมาสนิทกับที่บ้าน ไม่ใช่หลานนะคะ บ้านนี้มีหลานสองคน

คุณเป็นใคร?

กิต: ผมมีศักดิ์เป็นหลาน แต่เขาไม่ยอมรับผม

ปิง : คนข้างบ้านกัน แล้วเขาอยู่กรุงเทพฯ เพิ่งกลับไปเองค่ะ ไปเจอเขาตอนเขากลับบ้าน 3-4 เดือนนี่แหละค่ะ

คุณเป็นใคร?

กิต: ผมเป็นหลานของตา หลานทางตา พี่แป๋วเรียกพ่อว่าน้า

คุณเป็นญาติทางสายเลือดมั้ย?

กิต: ทางสายเลือดนี่แหละ แต่ผมไล่ไม่ถูก แล้วปิงเขาไม่ยอมรับผม

คุณยืนยันว่าไม่ใช่ญาติ?

ปิง : ไม่ใช่ค่ะ เป็นคนที่มาสนิทกับที่บ้าน คุ้นเคยกัน พ่อแม่เขาก็มา พ่อแม่เขาทำก่อสร้าง มาช่วยเขาประจำ

แล้วป้อมเป็นใคร?

ปิง : เป็นญาติ ลูกของป้า

แล้วกิต?

ปิง : ไม่รู้ นับไม่ถูก

6 ไร่มูลค่าเท่าไหร่?

ปิง : 30 ล้านค่ะ

แป๋วคิดว่าพี่ปิงน่าจะไม่พอใจ เพราะเคยพูดว่าเดี๋ยวจะให้พ่อเอาคืนมา และแบ่งให้เป็นธรรม คุณเคยพูดจริงมั้ย?

ปิง : จริงค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องจริงในครอบครัวพี่ เพราะพ่อแม่บอกว่าตรงนี้เป็นกองกลาง เวลาขายต้องได้คนละครึ่ง จะได้แบ่งเงินคนละครึ่ง

แต่เขาโอนให้แป๋วแล้วนะ?

ปิง : คนนี้แอบไปโอนค่ะ พี่รู้เพราะเขาไล่พี่ออกจากบ้าน ไล่พ่อออกจากบ้าน ไม่ให้พี่เข้าบ้าน เอกสารมีเอาไปติดไว้หน้ารั้วเลยค่ะ ด่าพี่ทางโทรศัพท์เลย

แป๋วเข้าใจว่าปิงเอาพ่อไปเพื่อบังคับให้พ่อเซ็นเพิกถอนโอนที่ดินให้แป๋ว เพื่อให้แบ่งให้เป็นธรรม พี่ตั้งใจแบบนั้นมั้ย?

ปิง : ใช่ พี่ก็ต้องการให้แบ่งแบบนั้น บอกตามตรงเลย เพราะว่าตกลงกันแล้วในครอบครัวว่าต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ทรัพย์สินตรงนี้ต้องแบ่งกันคนละครึ่ง ไม่ใช่เอาไปคนเดียว มันเป็นกองกลาง

คุณกิตเป็นใคร?

ปิง :   จะให้แฉมั้ย ตาพรากไม่ได้เป็นญาติเลย เป็นเกลอของพ่อพี่

คุณเป็นญาติทางไหน?

กิต: ตามที่ผมรับรู้มา ตาพรากเป็นน้าของพ่อ และเป็นญาติของปู่พี่แป๋ว ผมไม่รู้ว่าทางไหน เรารุ่นหลัง อาจไล่ไม่ถูก

ปิง : ตาพรากเป็นเกลอกับพ่อพี่ พี่ไปบ้านเขาประจำ ตาพรากเคยไปเลี้ยงควาย ปู่พี่มีควายเยอะแยะ ไปช่วยเลี้ยง แล้วเป็นเกลอกับพ่อพี่ ไม่ได้เป็นญาติทางสายเลือด

แป๋ว : เป็นญาติกับปู่

ปิง : โทรไปถามมั้ย จะให้เบอร์ จะได้รู้ว่าเป็นเกลอมั้ย

กิต: เมื่อก่อนเขาคุยกับผมดีนะ แต่วันนึงเขาพยายามพูดให้ผมไม่ชอบพี่แป๋ว แต่ผมไม่ใช่ว่าคุณเกลียดแล้วผมต้องเกลียดด้วย ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่เคยชอบผมเลย มีปัญหากับผมตลอด

พี่ปิงใส่ไฟ?

กิต: แล้วบอกว่าสักวันมึงจะรู้เองว่าเป็นยังไง

ปิง : ไม่ได้พูดนะว่าสักวันจะรู้เอง แต่โมโหว่าติดกล้องไว้ให้ดูพ่อแม่ มันเกิดจากเรื่องนั้น แต่ทางนี้กลับมา ไม่ให้พี่ดู ปลดกล้องออกหมดเลยที่บ้าน โดยที่กิตเป็นคนปลด

กิต: แต่ตาเป็นคนใช้

ปิง : พี่โมโหแล้วจะปลดทำไม

แป๋ว : เน็ตหมดค่ะ

ปิง : เน็ตไม่ได้หมดนะ ฉันเป็นคนจ่ายเองค่ะ

แป๋ว : คุณบอกให้ฉันไปจ่ายค่ะ

ปิง : ฉันไม่จ่ายแล้วในเมื่อเขาจะถอด ถือวิสาสะไปถอดทำไม เพราะพี่เป็นคนติดเอง

พี่อยากได้ที่แปลงนี้ครึ่งนึง?

ปิง :   จริง เพราะเป็นของพี่ พี่ไม่ได้อยากได้ของคนอื่น

แป๋ว : พ่อบอกว่าให้แป๋ว เพราะมันไม่เอากูแล้ว กูจะให้มึง

เพื่อความเป็นธรรม คุณไม่แบ่งให้เขาครึ่งนึงเหรอ?

แป๋ว : แล้วแต่ค่ะ

เอามั้ย?

ปิง : ต้องเอาค่ะ เพราะเป็นของพี่

จะให้มั้ย?

แป๋ว : ถ้าอยากได้ต้องกินยาจิตเวชที่ให้แม่กินไปสัก 2 ปี เดี๋ยวให้ค่ะ

ปิง :   นี่ใบรับรองแพทย์ ไม่ได้เอายาจิตเวชให้แม่กิน

แป๋ว : ใบรับรองแพทย์คุณเพิ่งไปขอมานะคะ คุณแม่ไม่เคยได้ไปพบแพทย์ค่ะ

ปิง : ไม่ไปยังไงคะ พาไปหาหมอที่คลินิก แล้วหมอเขียนว่าให้พาไปพบแพทย์ ครั้งแรกไปค่ะ

แป๋ว : คุณไม่ได้พาแม่ไปพบแพทย์ค่ะ มีรายละเอียดในรพ.นะคะ

ปิง : แล้วหมอเขียนมาได้ยังไง

แป๋ว : คุณเพิ่งขอเดือนที่แล้วประมาณนี้

คุณรู้ว่าเขาต้องการที่ดิน 6 ไร่แบ่งครึ่งให้เขา ก่อนพ่อกับแม่หายไป คุณดูแลอยู่หรือเปล่า?

กิต: 3-4 เดือนดูอยู่

วรรณา : โกหก แม่ดูเองตั้ง 7 เดือน มันดูสักเดือนได้

กิต: ไปๆ มาๆ แต่อยู่จริงๆ เดือนนึง

แป๋ว : แป๋วเป็นคนดูเอง 4 เดือน

วรรณา : มันฟังไม่ได้แล้ว เพราะโกหก เขาก็ด่าแม่ ตอนตาเจมส์ไปผ่าตาที่รพ. แป๋วมันไล่ออกเลย ป้าไปซื้อขนมจีนมากินที่บ้านคุณยายเพราะไม่มีอะไรจะกิน

ปิง : ไปแค่ 5 นาทีไม่รู้ถึงมั้ย แต่ทางนี้หาเรื่องด่า

ป้อม : ไม่ใช่ค่ะ

วรรณา : มึงนี่ตอแหล

ลูกหนุ่มขอนะ?

วรรณา : ได้ลูก แต่มันแค้น

ประเด็นคือเขาเอาพ่อแม่ไปอยู่ด้วย โดยไม่ได้บอกแป๋ว ตอนแรกเห็นว่าพ่อเดินได้ แต่ไปอยู่กับเขา พ่อเดินไม่ได้แล้ว?

แป๋ว : เขาเอาไปไว้ที่บ้านเขาประมาณ 2 เดือน จากนั้นเอาไปไว้ที่บ้านเช่า ตามเจอด้วยจีพีเอส ไม่ได้แจ้งดิฉัน ไม่ได้แจ้งญาติ แต่ไปแจ้งญาติอีกคน ป้าเจ้ย เป็นหลานของพ่อ ป้าเจ้ยก็ไปพูดกับน้าอีกคนนึง น้าก็โทรมาบอกแป๋วว่ารู้หรือยัง เขาเอาพ่อไปไว้ที่บ้านเช่าแล้วนะ เขาให้เบอร์ป้าเจ้ยมา ก็ถามป้าเจ้ยว่ารู้มั้ยปิงเอาพ่อแม่ไปไว้ที่ไหน จะได้เอากลับบ้าน ป้าเจ้ยบอกว่าเขาบอกแค่ว่าเอาไปไว้ที่บ้านเช่าใกล้บ้าน เช่าอยู่ชั้นเดียว ราคา 3,500

คุณบินมาเมืองไทยเลย?

แป๋ว : ยังไม่มาค่ะ ป้าเจ้ยบอกให้คนไปขับรถดูแล้วกัน ก็ให้คนวนไปหาแต่ไม่เจอ จนเจอจีพีเอส ให้ญาติๆ ขับรถดูตามจีพีเอส แต่ก็ไม่เจอ เพราะบ้านปิดประตูตลอด ไปดูเป็นช่วงๆ เช้า เย็น ดูว่าบ้านไหนเปิดประตูบ้าง

คุณมาเมื่อไหร่?

แป๋ว : วันที่ 1 ก.พ.นี่แหละค่ะ

คุณแจ้งความด้วย แจ้งว่า?

แป๋ว : ขอไปรับตัวพ่อกับแม่ พี่สาวลักพาตัวไปไว้ที่บ้านเช่าค่ะ ก่อนหน้านี้ขับรถวนเองแล้วเจอป้าแม่บ้านนั่งอยู่หน้าบ้าน เห็นเสื้อผ้าพ่อแม่ตากอยู่ที่กำแพง ก็ถ่ายรูปเอาไว้ เห็นป้านั่งหน้าบ้านก็เลยขับมา แล้วไปอีกรอบตอนเย็น เจอป้าออกมาจากบ้านอีก ก็เลยโอเค หลังนี้แหละ เลยไปแจ้งตร.

พี่ปิงไม่อยู่?

แป๋ว : อยู่ค่ะ

พี่ปิงไม่เปิดให้?

ปิง : กุญแจแม่บ้านเอาไป เพราะแกบอกว่าพ่อนอนตอนกลางวัน นอนตอนเที่ยง ตื่นประมาณบ่ายสองครึ่ง ก็บอกว่าถ้าไปไหนไม่เป็นไร เพราะเปิดพัดลมแล้วในห้อง มีแอร์ด้วย ไปได้แต่ไม่นานนะ เพราะเดี๋ยวเอาน้ำยาล้างจานไปวางไว้ให้ แกบอกว่าน้ำยาล้างจานแกหมด พี่บอกว่าเดี๋ยวไปร้านผม เดี๋ยวกลับมา แกก็ไปซื้อเสื้อผ้ามือสอง ตร.ก็มาเลย พี่ยังไปไม่ถึงร้านเสริมสวย เราไม่ได้ไปกักขัง

เจอสภาพแบบไหน?

แป๋ว : พ่อนอนอยู่บนเตียง พอถามว่าจำได้มั้ย พ่อก็เบลอๆ ก็เอาตัวออกมาพาไปรพ. แม่ด้วย

ปิง : แม่สวดมนต์ทั้งวันทั้งคืน ลุกนั่งได้  มาอยู่กับพี่ เดินเกือบได้แล้วนะ เดินเกาะขอบเตียงได้หมดแล้ว

พี่เอาพ่อกับแม่จากบ้านเขามาทำไม?

ปิง : วันนั้นตอนเขาไป เขาไม่บอกสักคำเรื่องไปต่างประเทศ เขาหิ้วกระเป๋าแล้วไปเลย พ่อให้คนข้างบ้าน ให้พี่เป็ด พี่ของป้อม เป็ดโทรบอกว่ามาหน่อย เขาไปแล้ว ไม่บอกสักคำ พ่อก็บอกว่ามันไม่บอกเลยว่าจะไปต่างประเทศ พี่ก็เลยบอกว่าเดี๋ยวกินข้าวเที่ยงก็มา แบบนี้แล้วกัน ให้ไปบอกสุ หลานอีกคน พี่บอกสุว่าน้าปิงขอช่วยหน่อยนะ ตอนเย็นไปอาบน้ำให้ยายด้วย น้าปิงมาตอนบ่าย จะไปสวนปาล์ม หว่านปุ๋ยยังไม่เสร็จ ตอนเย็นให้ไปอาบน้ำให้ยายพรางๆ พี่กลับมาเย็นๆ หกโมง พี่กลับมาก็เกือบค่ำแล้ว ไม่มีใครอาบน้ำให้ยาย ไม่มีใครอาบน้ำให้พ่อ ข้าวก็ยังไม่กิน ก็ถามพ่อว่าอ้าว สุไปไหน อุตส่าห์ขอช่วยแล้ว

ป้อม : ป้อมอยู่ในเหตุการณ์ ป้อมไปส่งแป๋วไปสนามบินเองกับลูกสาว ตาเจมส์จะไปด้วย บอกว่าจะขอนั่งอยู่ในรถ แต่เราบอกว่าไม่ได้ แป๋วจะไปอิตาลีแล้วจะกลับมา ตาเจมส์บอกว่าไม่เป็นไร กูอยากไปด้วย แต่ขออยู่ในรถ ป้อมกลับมา แป๋วก็บอกว่าให้สุดูแลตาเจมส์ด้วยนะ ตอนนั้นช่วงบ่ายป้อมก็โทรหาสุ ให้เอาข้าวเอาน้ำให้ยายกิน สุบอกว่าอยู่ซูเปอร์มาเก็ต แป๋วบอกว่างั้นให้ป้อมเอาข้าวให้ตากับยายกินก่อน

ความหมายคืออะไร?

ป้อม : ตาเจมส์เขารู้ว่าแป๋วไปอิตาลี ป้อมเอาข้าวไปให้กินแทน แต่พี่ปิงบอกว่าไม่มีใครดูแล ป้อมดูแลอยู่วันนั้น ป้อมเอาข้าวให้ยายกิน แล้วจะพูดได้ไงว่าไม่มีคนดูแล เอาข้าวให้ยายกินเสร็จยังถามปิงว่าอาบน้ำยังไง ปิงยังบอกว่าไม่ต้องอาบ พี่ไม่เคยอาบ เพราะแค่ซื้ออาหารไปให้ เขาบอกว่าไม่อาบก็ไม่เป็นไร ปิงก็พายายกับตากลับบ้าน

คุณรู้มั้ยพ่อแม่คุณมีที่ดินกี่แปลง?

แป๋ว : ทราบแต่ส่วนที่พ่อให้หนู แต่ส่วนอื่นหนูไม่ทราบ

ปิง : รู้ค่ะ

คุณติดแค่เรื่องที่ดิน 6 ไร่แค่นั้น?

ปิง : อยากมาเคลียร์ทุกอย่างในรายการ จะบอกว่าพี่ลักพาตัวไปกักขัง บ้านเช่าติดแอร์เรียบร้อย มีที่จอดรถ นอนสบาย มีคนดูแล กักขังมั้ย ไม่อยากให้สังคมมาลงโทษพี่ เขาด่าว่าพี่ไม่ดีแบบโน้นแบบนี้ ไปอ่านในโซเชียลเลย

โดนมั้ย?

วรรณา : โดนด่าว่าไม่ดูพ่อเขา เขาไปขอร้องให้มาดูพ่อหน่อย

 กรณีพ่อแม่มีลูก 2 คน คือ ปิง กับแป๋ว พ่อแม่เริ่มชรา วันดีคืนดี พ่อกับแม่ได้มีการโอนทรัพย์สินเป็นที่ดิน 2 แปลง 6 ไร่ มูลค่า 30 ล้านให้แป๋ว ทางฝั่งพี่สาวบอกว่าทำแบบนี้ไม่แฟร์ เพราะพ่อกับแม่บอกว่าจะให้แบ่งเท่าๆ กัน แต่อยู่ดีๆ ทำไมโอนให้แป๋วคนเดียว มีเรื่องนิติกรรมอำพรางเหมือนไปทำกันเอง โดยไม่รับรู้ด้วย ที่ดินแปลงนี้ตกอยู่ที่แป๋ว แป๋วบอกว่าเขาดูแลพ่อมาตลอด ส่งเงินให้ ส่วนปิงส่งแกงส่งโน่นนี่ให้พ่อกิน พอมีปัญหาเรื่องที่ดิน สองคนนี้ทะเลาะกันครั้งแรก คือปิงไปเอายาจิตเวชให้แม่กิน ทำให้แป๋วไม่พอใจ คุณให้แม่กินยาจิตเวชจริงมั้ย?

ปิง : จริงค่ะ เพราะแม่นั่งสวดมนต์ทั้งวัน และด่า ไม่นอนเลย ทั้งวันทั้งคืน เลยพาไปหาหมอค่ะ

ฟังขึ้นมั้ย?

แป๋ว : ไม่ขึ้นค่ะ พาไปหาหมอที่ไหนคะ

ปิง : ครั้งแรกไปคลินิกก่อน แล้วไปรพ. รพ.ตรวจเสร็จก็ให้ยามา จากนั้นพี่ถามหมอว่าต้องพาแม่มาอีกมั้ย หมอบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว หมอว่าคนไข้ไม่ต้องมา พี่มาแทนได้เลย เพราะคนไข้เดินไม่ได้ มีหลักฐานเป็นใบรับรองแพทย์ พี่ก็บอกหมอแล้วนะ เพราะฝั่งโน้นเขาไม่ให้กิน แล้วแจ้งความพี่

ทนายแก้ว : เป็นใบรับรองแพทย์จากรพ.พัทลุง วินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม รักษาตั้งแต่ 20 มิ.ย. ความเห็นคือเป็นผู้ป่วย แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นจิตเวช เป็นผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมเฉยๆ นะครับ

ปิง : ใช่ แต่เวลาไปเอายา เขาให้ไปเอายาตรงนี้แหละ แต่เขาเรียกว่าจิตเวช เป็นยาสมองเสื่อม ยาบำรุง แบบนั้นแหละ

คุณคิดว่าเจตนาที่เขาให้แม่กินยาจิตเวชคืออะไร?

แป๋ว : ตอนแม่อยู่ พี่เลี้ยงไม่เคยให้กินยาเลยค่ะ ยาความดัน ไขมัน

วรรณา : จะให้กินยังไงล่ะ ก็เธอสั่งบอกว่าไม่ต้องกิน

แป๋ว : นี่ยาไขมัน ความดัน ไม่ให้กินแค่ยาจิตเวชค่ะ

ในนี้เขียนว่ายาคลายเครียด ออกจากรพ.พัทลุง วันที่ 4 เดือน 7 ปีที่แล้ว?

ทนายแก้ว : ใบรับรองแพทย์ออกต.ค.67

วรรณา : ยาเพิ่งไปเอามา เพราะยาในบ้านเขาไม่ให้กิน ป้าก็เก็บ

ปิง : พอเขาไม่ให้กิน หลังๆ พี่ก็ไม่ได้เบิกเลย จะเบิกมาทำไม เบิกแล้วไม่ได้กิน

ทนายแก้ว : จริงๆ ต้องแยกออกจากกันนะ ยาเบาหวาน ความดันต้องกินปกติ

วรรณา : ก็เธอไม่ให้กิน มึงบอกว่าไม่ต้องให้แม่กิน

แป๋ว : ก็ไม่ให้กินตัวนี้ไง

ปิง : เขาไม่ให้กินเลยทุกยา แม้แต่ยาบำรุงเขาก็ไม่ให้กินเลย

แป๋ว : แล้วคุณไม่ให้อสม.เยี่ยมแม่ด้วย

ปิง : มาแล้วค่ะ พี่เป็นคนไปเอาแพมเพิสเอง

แป๋ว : เขาไปเซ็นว่าไม่ต้องมาเยี่ยม เขาบอกโควิดค่ะ

ปิง : ก็ใช่ เพราะพี่ไปอนามัยเอง

คุณยืนยันว่าหมอสั่งว่าเป็นผู้ป่วยที่มีภาวะทางสมอง ต้องกินยาคลายเครียด ทางนี้บอกเป็นยาโรคจิต มันก็แก๊ปเดียวกัน?

ทนายแก้ว : มันอาจดูเสมือนว่าเหมือนกัน แต่มันต่างกัน

คุณโกหกเขาเหรอว่าแม่กำลังจะเสีย?

แป๋ว : เขาบอกแม่กำลังจะสิ้นแล้วค่ะ ก็บอกว่าให้เอาแม่ไปรพ.สิคะ เขาบอกไม่ต้องเอาไปหรอก เดี๋ยวให้สิ้นที่บ้าน เขาไปนิมนต์พระมาสวดที่บ้าน

ปิง :  ตอนพาแม่ไปครั้งก่อน หมอบอกว่าแม่แก่แล้ว ถ้าแม่จะเป็นอะไร ไม่ต้องพามารพ.แล้วนะ เพราะแม่ไม่ได้เป็นอะไร เป็นเหตุการณ์ก่อนเกิดเหตุการณ์บ้านเช่า พอพระสวดแม่ฟื้น แม่นอนเป็นวันเลยค่ะ พี่ปลุกแล้ว เขย่าๆ ก็ไม่ฟื้น พี่ก็ไปตามญาติมาหมด ญาติบอกว่าให้แม่ไปสบายเถอะนะ อยู่บ้านดีกว่า คนแก่ ญาติๆ บอกว่าไปนิมนต์พระมา ให้แม่ได้กรวดน้ำ

พี่โดนแจ้งข้อกล่าวหาว่าลักพาตัวพ่อแม่ไป?

ปิง : ตร.ก็ไม่เชื่อ ตอนเขามา เพราะเห็นสภาพในห้อง อยู่สบายดี ไม่ได้กักขัง พี่ก็เลี้ยงดูดี ตร.ไม่ได้ว่าอะไรแม้แต่คำเดียว

ทนายแก้ว : การหน่วงเหนี่ยวกักขัง ตามมาตรา 309 ต้องดูที่ผู้อยู่ด้วยว่าเขาอยากอยู่หรือเปล่า

ปิง : เขาอยากอยู่ ตอนน้องสาวถามที่หน้าบ้าน ถามว่าพ่อจะกลับมั้ย เขาบอกว่ากูไม่ไป

แป๋ว : พ่อไม่ได้พูดค่ะ พ่อสลึมสลือเหมือนคนไม่รู้เรื่อง จำอะไรไม่ได้

ปิง : แกเพิ่งตื่นนอน แต่คนได้ยินกันนะ

แป๋ว : ตอนไหนคะ

ปิง : ตอนอยู่หน้าประตูนั่นแหละ

คิดว่าวันนี้พ่อแม่จะเสียใจมั้ย พี่น้องทะเลาะกัน?

ปิง : พ่อเป็นคนโทรไปหาเขาเองว่าให้กลับมาโอนที่ดินให้ปิงกลับครึ่งนึง เอาไปทำไม รู้อยู่แล้วว่าต้องแบ่งสองคน มึงเอาไปทำไม เขาบอกว่าอ้าว ของพ่อไม่ใช่เหรอ

ทนายแก้ว : มีบันทึกมั้ยที่พ่อบอกว่าจะแบ่งให้สองส่วน

ปิง : ไม่มี เป็นปากเปล่า ญาติๆ รู้กันทุกคน

ทนายแก้ว : ตอนพ่อพูดใครอยู่บ้าง

ปิง : โทรศัพท์

ทนายแก้ว : เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมรดก เพราะมรดกต้องตาย แต่เรื่องนี้คือสมัครใจให้โดยเสน่หา ดังนั้นต้องแล้วแต่ว่าผู้ให้สมัครใจให้มั้ย ถ้าผู้ให้ ให้โดยความหลงลืม ไม่มีสติสัมปชัญญะ ก็เป็นอีกเรื่องที่อีกฝั่งนึงมาร้องเพิกถอน

ปิง : พ่อแม่พี่ไม่มีสติสัมปชัญญะจะทำอะไรเลย

พ่อคุยรู้เรื่องมั้ย?

ปิง : รู้ แต่ตอนไปโอน แม่พี่ก็ไปโอนด้วย มันโอนได้เหรอ แม่ไม่มีสติ

ทนายแก้ว : นายทะเบียนที่ดินเขาต้องสอบข้อเท็จจริง เขาถามคุณยายมั้ย

แป๋ว : สอบถามค่ะ แม่รู้เรื่อง เพราะแม่ไม่ได้ทานยาแล้ว แม่พูดสื่อสารเข้าใจ เพราะแม่หยุดยา แป๋วให้หยุดยาเลย

วรรณา : มันบอกว่าป้าไม่ต้องให้กินยา สามเดือนที่ลงมาจากอิตาลี ป้าก็ยังอยู่

ทนายแก้ว : ตอนทำนิติกรรมที่สำนักงานที่ดิน เจ้าหน้าที่ได้สอบสวน สอบถามต่อหน้า จุดนั้นเจ้าหน้าที่ต้องมาให้การ ถ้าเจ้าหน้าที่เข้าใจว่าการให้ชัดเจน พี่จะแย้งตรงนั้นไม่ได้ อยู่ที่ว่าเจ้าหน้าที่จะให้การยังไง เพราะผู้ให้ทั้งสองมาที่สำนักงานที่ดินเอง เขาต้องรู้ว่านี่ไม่ใช่บ้าน เป็นสำนักงานที่ดินที่จะทำการโอน ถ้าเขารู้นิติกรรมนี้ก็สมบูรณ์ครับ

พี่ต้องต่อสู้ว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ตั้งใจจะให้จริงๆ พี่มีหลักฐานมั้ย?

ปิง : ไม่ พ่อเป็นคนโทรคุยกันเองเลย นี่ก็ยืนฟัง

ถ้าวันนี้ถามพ่อล่ะ พ่อจะมีสติสัมปชัญญะมั้ย?

ปิง : มีค่ะ พ่อตอบแบบนั้น เชื่อได้

ทนายแก้ว : วันนั้นพ่อสมัครใจที่จะให้ ให้แล้วให้เลย ไม่ได้เกิดจากการถูกหลอกลวง ถ้าพ่อสมัครใจไป การทำนิติกรรมสมบูรณ์ ก็ไปตามนั้น

ทำไมวันนั้นพ่อถึงให้เขา?

ปิง : พี่ไม่รู้ เขาไปทำวันไหนยังไม่รู้เลย

ทนายแก้ว : พี่สงสัยยังไง รูปแบบที่เขาจะใช้กลอุบาย

ปิง : ปั๊มลายนิ้วมือกันหมด แต่แม่เซ็น แม่เซ็นได้ยังไง เขาจับมือแม่ให้เขียน เขาไม่ได้เอาสมบัติใคร เขาเอาสมบัติแม่ เขาจะจับมือเขียนแล้วจะเป็นยังไงไป

แป๋ว : พูดที่ไหนคะ ไม่ได้บังคับค่ะ ทำเอกสารทุกอย่างที่สำนักงานที่ดิน เจ้าหน้าที่ทำเองทุกอย่าง แป๋วไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ

ทำไมวันนั้นไม่บอกพี่สาว ว่าวันนี้จะไปโอนที่ดิน?

แป๋ว : พ่อบอกว่าไม่จำเป็นต้องบอกใคร เพราะตอนไปโอนของเขา พ่อก็ไม่ได้บอกแป๋ว

คุณเคยได้ที่ดินไปแล้วเหรอ?

ปิง : ที่ดินของพี่พี่ได้แล้ว ของเขาเขาก็ได้แล้ว แต่กองนี้เป็นกองกลาง

คุณได้กี่ไร่?

ปิง : 8 ไร่

คุณได้ไปกี่ไร่ก่อนหน้านั้น?

แป๋ว : ได้ไป 3 แปลง 1 ไร่ 2 ไร่ 3 ไร่

ปิง : ที่ละ 2 ไร่ทั้งนั้น มาบอก 1 ไร่ มันได้เหรอคะ

แป๋ว : ไร่กว่าค่ะ มันไม่ใช่ 2 ไร่นะคะ

ต่างคนต่างได้ที่ดินไปแล้ว มีที่ดินแปลงนี้?

ปิง : ใช่ค่ะ

แล้วจะยังไงต่อ?

แป๋ว : แล้วแต่เขาค่ะ ให้เขาไปดำเนินคดีเอาแล้วกัน

ตอนนี้พ่อแม่อยู่ไหน?

แป๋ว : อยู่บ้านกลางค่ะ อยู่ที่บ้านแป๋วค่ะ

คุณไปหาพ่อแม่ได้อยู่มั้ย?

ปิง : จะไปได้ยังไงคะ เอานี่ไปติดประตูรั้ว แล้วด่าทอว่ามึงไม่ต้องมาเข้าบ้านกู ทรัพย์สินของกู

แป๋ว : อ่านดีๆ ค่ะคุณ

ปิง : เวลาโทรมาด่า ทำไมไม่บอกนักข่าวให้หมด

แป๋ว :   ด่าจริงค่ะ เพราะคุณเอาคนนอกมาในบ้านของฉัน จะเอาพี่เลี้ยงของคุณเข้ามา ฉันยอมรับไม่ได้ค่ะตรงนี้

สิทธิ์ในการดูแลพ่อแม่คืออะไร?

ทนายแก้ว : พ่อแม่อยู่บ้านแป๋ว ปิงก็มีสิทธิ์ดูแล เพราะยังไม่มีการร้องเป็นผู้อนุบาลกันเลย ต้องไปร้องกันก่อน

แป๋ว : เขาเข้าบ้านได้ แต่ห้ามจับ ห้ามแตะต้องข้าวของในบ้านค่ะ

ทนายแก้ว : ต้องแยกครับ สิทธิ์ในการดูแลบิดามารดามีอยู่แล้ว

แป๋ว : เข้าไปดูได้ แต่ห้ามทานยาจิตเวช

ทนายแก้ว : ถ้าพี่จะเป็นคนอนุบาลคุณพ่อคุณแม่ก็ไปร้องศาลเยาวชน ให้ศาลพิจารณาว่าใครเหมาะสมที่จะดูแลพ่อแม่สองท่านนี้

ตร.เขียนว่าฝั่งแป๋วบอกว่าไม่ให้เอายาจิตเวชให้พ่อแม่กิน เพราะแม่ไม่ได้เป็นจิตเวช แต่ถ้าเข้ามาดูแลรักษาพ่อแม่ให้เข้ามาได้ ห้ามรื้อค้นทรัพย์สินภายในบ้าน ไม่งั้นจะแจ้งความดำเนินคดี แม่มีอาการทางสมองแล้วให้กินยาอะไร?

แป๋ว : ตอนนี้พาไปพบคุณหมอ ให้ทานยาความดัน ไขมัน คุณหมอให้มาแค่นี้

ทนายแก้ว : ผมงงว่าหมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคสมองเสื่อม ทำไมไม่คอนเซ็นเทรดเฉพาะสมองเสื่อม

แป๋ว : กำลังรออยู่ค่ะ คุณหมอให้รอทำซีทีสแกรนอยู่ค่ะ ถามสาธารณสุขแล้ว เขาส่งไปที่รพ. แล้วก็ถอดยาตัวนี้ไปแล้วค่ะ ถอดไปนานแล้วค่ะ เอาออกจากระบบค่ะ เมื่อก่อนเคยจ่ายเพราะเขาไปเบิกค่ะ

ทนายแก้ว : แพทย์จ่ายเขาก็ไม่ผิดสิครับ

แป๋ว : แต่คุณแม่ไม่เคยไปพบหมอที่รพ. เขาแค่ไปบอกอาการ

ปิง : ครั้งแรกแม่ไปก่อนค่ะ ไม่พาไป หมอจะสั่งยาได้ยังไง

แป๋ว : แต่หลังๆ ไม่ได้ไปค่ะ

ปิง : หลังๆ หมอบอกว่าไม่ต้องพาไป เพราะแม่เดินไม่ได้

แป๋ว : ต้องไปดูที่รพ.ค่ะ

ทนายแก้ว :   ต้องแยกเป็นสองเรื่อง คดีอาญาก็ไปสู้กันว่าไม่กักขัง

ปิง : ตร.ไม่ได้ติดใจอะไร ตร.ก็เห็น ณ ตอนนั้นเลยว่าไม่ได้กักขัง

แป๋ว : ทำไมต้องพังประตูคะ โทรหาคุณ คุณก็ไม่มา

วรรณา :   มาทำไม เราไปซื้อผ้ามือสองอยู่

ปิง : ไม่เกิน 5 นาทีแกก็มา

วรรณา : กุญแจอยู่กับแม่ ปิงบอกล็อกกุญแจไว้นะ วันก่อนแม่ก็บอกว่ามันไปเวียนกันอยู่ ทำไมไม่ลง แม่นั่งอยู่หน้าห้องเช่า ถ้ารักแม่ทำไมไม่ลงมา

แป๋ว : ทำไมคุณไม่แจ้งดิฉันล่ะคะ ไลน์พ่อก็มี ทำไมไม่บอกว่าพ่อดิฉันอยู่ไหน

วรรณา : เราจะบอกยังไง เบอร์ไลน์ของเขา ไม่รู้เรื่อง เรื่องโทรศัพท์

 ต่อสายหา “พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ” โฆษกกรมสุขภาพจิต เคสผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม จำอะไรไม่ค่อยได้หลงๆ ลืมๆ สวดมนต์ตลอดเวลา ฝั่งลูกสาวสองคนมีประเด็นกัน คนโตพาคุณแม่ไปหาหมอครั้งแรก หมอจ่ายยามา หมอเขียนว่าเป็นยาคลายเครียด ลูกสาวให้กินไปจนยาหมด ก็ไปเบิกใหม่ ครั้งที่สองคุณแม่ไม่ได้ไปแล้ว คุณหมอก็จ่ายยามาใหม่เป็นตัวเดิม ลูกสาวคนเล็กบอกว่าแม่ไม่จำเป็นต้องกิน เพราะเป็นยาโรคจิต มันต่างกันมั้ย?

พญ.วิมลรัตน์ : เราไม่รู้ว่ายาคืออะไร ตัวยามีหลายแบบ ถ้าคุณแม่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นสมองเสื่อม ยาที่กินก็ต้องรักษาโรคสมองเสื่อม ไม่ใช่ยารักษาโรคจิต เพื่อชะลอให้สมองมีการทำงานที่โอเคต่อไป สองหมอจะรักษาตามอาการ เช่น นอนไม่หลับ ถ้าผู้สูงอายุนอนไม่หลับนานๆ อาการจะแย่ลง หมอก็จะให้ยาช่วยนอน หรือการที่สมองเสื่อม บางทีมีการควบคุมตัวเองไม่ได้ ในเรื่องพฤติกรรมและอารมณ์ เช่นมีความวุ่นวาย หรือมีพฤติกรรมอารมณ์ก้าวร้าว ก็จะมียาเพิ่มเติมอีก เพื่อควบคุมให้ผู้ป่วยสงบและปลอดภัย เพราะถ้าก้าวร้าวมันจะไม่ปลอดภัยทั้งตนเองและคนอื่น

ยาชื่อว่า ริสเพอริโดน GPO

พญ.วิมลรัตน์ : ยาตัวนี้ถ้าเสิร์จในอินเตอร์เน็ต เขาเรียกว่าเป็นยารักษาโรคจิต แต่คนปกติก็จ่ายค่ะ เพราะยาตัวนี้ใช้ในการควบคุมพฤติกรรมหงุดหงิด ก้าวร้าว วุ่นวาย ไม่นอน ผุดลุกผุดนั่ง อยู่ไม่สุขนี่แหละค่ะ เราใช้ฤทธิ์ของมันในการควบคุมให้สงบค่ะ แต่ถามว่าคนมีอาการทางจิต ตัวนี้ก็เป็นตัวรักษาเช่นกัน ยาตัวนึงใช้ได้หลายแบบ

กรณีผู้ป่วยมีอาการหลงๆ ลืมๆ สวดมนต์ตลอดเวลา ผุดลุกผุดนั่ง กินยาตัวนี้ได้มั้ย?

พญ.วิมลรัตน์ : กินได้ค่ะ เป็นยาไม่ได้รักษาสมองเสื่อม แต่เป็นยาที่ช่วยเสริมให้การผุดลุกผุดนั่งน้อยลง การย้ำคิดย้ำทำน้อยลง ยาสมองเสื่อมช่วยให้ความทรงจำ การทำงานของสมองไม่แย่เร็ว ให้ชะลอ แต่ตัวนั้นไม่ได้ควบคุมเรื่องพฤติกรรม เหมือนเราเป็นหวัด เรากินยาลดน้ำมูก แต่ถ้าเราไอก็ต้องกินยาแก้ไข ไข้ก็กินยาแก้ไข คนเราพอมีอาการก็กินยาหลายตัว

ยาตัวนี้กินต่อเนื่องได้นานมั้ย?

พญ.วิมลรัตน์ : นานเลยค่ะ กินไปเลยค่ะ แต่ห้ามปรับยาเองนะคะ ต้องให้คุณหมอปรับนะคะ ถ้าปรับยาเองนี่ไม่รับประกันนะคะ ถ้ากินตามแพทย์สั่งจะปลอดภัย เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าขนาดยาเท่าไหร่ หรืออาการเท่าไหร่ ควรเปลี่ยนเป็นตัวไหน กินได้ยาวค่ะ

ผลข้างเคียงมีมั้ย?

พญ.วิมลรัตน์ :   มีอยู่แล้วค่ะ ตัวนี้กินแล้วจะง่วงนอน มีหลายอย่าง ต้องคุยกับคนไข้ว่ายังไง แต่อันตรายเลยก็ไม่ได้มี ไม่ได้เป็นยามีข้อห้ามมากมายขนาดนั้น

เรื่องติดเตียงเกี่ยวกับยาตัวนี้มั้ย?

พญ.วิมลรัตน์ : หมอคงไม่ใช้ตัวนี้ในเรื่องการติดเตียงค่ะ ถ้าจะใช้ตัวนี้ปกติเป็นเรื่องความวุ่นวาย หรือนอนไม่หลับ ถ้าใช้ยาตัวนี้แล้วพบว่าคนไข้นอนมากเกินไป ก็ต้องบอกคุณหมอให้คุณหมอปรับยา เราไม่ได้ใช้เพื่อให้ติดเตียงยาวค่ะ เราใช้เพื่อแก้พฤติกรรมความวุ่นวาย การนอนค่ะ ถ้ากินแล้วหลับเยอะต้องบอกคุณหมอค่ะ เพราะคนไข้แต่ละคนตอบสนองยาไม่เหมือนกัน เหมือนคนกินยาแก้แพ้ บางคนง่วง บางคนไม่ง่วง คนกินตัวนี้อาจไม่ง่วง พอมีผลข้างเคียงต้องบอกคุณหมอ ถ้าไปรับยาครั้งต่อไป แล้วไปรพ. คุณหมอรู้หรือเปล่าว่าง่วงเยอะไป ก็ต้องบอกคุณหมอเพื่อให้เขาปรับยา ยาที่จะเลือกใช้ได้มีหลายตัว ต้องดูตามอาการค่ะ

ถ้าประเมินทั้งสองฝั่ง ไม่ได้มีใครผิดใครถูก ไม่ได้เข้าข้างใคร อันดับแรก คุณแป๋วไม่ได้อยู่ประเทศไทย คนดูแลคือปิง เวลาเขาพาแม่ไปหาหมอ หมอจ่ายยามา เขาให้กินเสร็จ อาการแม่สงบ อาจนอนเยอะก็แล้วแต่ ก็เป็นไปตามหมอสั่ง พอยาหมดก็เอายาตัวนี้มาให้กินเพิ่ม แล้วจะใช้คำว่าแพ้ยาไม่ได้นะ มันต้องใช้คำว่าผลข้างเคียง ผลข้างเคียง แม่กินเข้าไปแล้วหลับนาน คุณเป็นห่วง ก็เข้าใจได้ ไม่มีใครผิดใครถูก ฝั่งพี่สาวพาแม่ไปหาหมอครั้งแรกด้วยตัวเอง หมอวินิจฉัยว่าเป็นโรคนสมองเสื่อม ผุดลุกผุดนั่งตลอดเวลา หมอก็จ่ายยาตัวนี้ แล้วครั้งต่อไป ยาหมดเขาก็ไปเอาเอง ไม่ได้พาแม่ไป ได้มั้ย หรือคนป่วยต้องไปเองทุกครั้ง?

พญ.วิมลรัตน์ : มันขึ้นกับอาการค่ะ ถ้าครั้งที่แล้วอาการดี วิเคราะห์ว่าอาการดี ญาติเล่าว่าอาการดี แบบนี้เราให้ได้ แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ให้ยาเดิมตลอดกาล ครั้งสองครั้งไม่เป็นไร ถ้ารู้จักเคสแล้ว รู้จักคนไข้ รู้จักอาการคนไข้มันก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่ไม่ได้จ่ายแบบนี้ตลอดไปค่ะ

ณ ตอนนี้แสดงว่ายาตัวนี้กินได้ อยู่ในความควบคุมของหมอ?

พญ.วิมลรัตน์ : เป็นยาที่ใช้เยอะที่สุดเลยมั้งคะ (หัวเราะ)

เห็นว่ามีการถอดออกรายการของแม่?

พญ.วิมลรัตน์ :  ก็ต้องดูว่าคุณหมอจ่ายยาตัวไหนเพิ่ม ทำไมถึงถอดออก ต้องดูอาการอีกที

ทนายแก้ว : ยาความดัน ไขมันไม่ได้กินเลย จะเป็นอะไรมั้ย

พญ.วิมลรัตน์ : ต้องดูที่อาการ สองตัวนี้เป็นยารักษา ไม่ใช่วิตามิน มันเป็นยารักษาเพื่อควบคุมระดับต่างๆ ให้โอเค ทีนี้ถาหยุดกินจะทำให้หมอรักษายาก เพราะไม่รู้ว่าตอนนี้อยู่ประมาณไหน อาการเป็นยังไง เท่านั้นเอง ถ้าถามว่าไม่ได้กินจะมีผลเยอะมั้ย คงต้องขึ้นอยู่กับตัวโรคด้วยค่ะ ถ้าคนความดันสูงมากๆ น้ำตาลสูงมากๆ ไม่ได้กินมันก็จะเสี่ยง ก็ตรงไปตรงมาค่ะ

มีอะไรติดใจ?

แป๋ว : ไม่มีค่ะ

ถือว่าเคลียร์ ส่วนใหญ่ยาที่เกี่ยวกับจิตเวช บางตัวไม่ได้ใช้กับจิตเวชอย่างเดียว เขาก็ใช้รักษาอย่างอื่นได้ด้วย มันก็จะมีผลข้างเคียง อย่างทีมงานผมบางคนกินยาซึมเศร้า เมื่อเช้ามาก็เบลอ มันเป็นเรื่องระบบการปรับระบบสารเคมีในสมอง ก็เข้าใจได้ คุณคิดว่าเขาตั้งใจให้กินยาตัวนี้จนกระทั่งประสาทหลอน คุณคิดแบบนี้ใช่มั้ย?

แป๋ว : ใช่ค่ะ กินแล้วเบลอไป 3 วัน

ทนายแก้ว : มันมีผลข้างเคียงอยู่แล้ว

คุณจะได้หายข้องใจพี่สาวในมุมนี้?

แป๋ว : พาคุณแม่ไปพบคุณหมอเรียบร้อย คุณหมอก็ถอดรายการนี้ออกไป คุณแม่ก็ดีขึ้น

ทนายแก้ว : พ่อกับแม่จดทะเบียนโอนให้คุณแป๋ว พี่เองคิดว่าไม่เป็นธรรม เป็นนิติกรรมอำพราง พ่อกับแม่ทำโดยไม่มีสติ ตรงนี้ต้องคุยกับพ่อแม่ก่อน แล้วฟ้องเพิกถอนการโอนตรงนี้ ไปว่ากันในศาล เรื่องนี้พ่อให้ทรัพย์สินลูก ถ้าลูกเนรคุณ พ่อใช้สิทธิฟ้องเอาคืนได้

พี่มองตรงไหนไม่ชอบมาพากล ก็เอาหลักฐานตัวนั้นไปร้องต่อศาล ให้ศาลพิจารณาว่าที่ดินโอนถูกต้องหรือเปล่า ถ้าไม่ถูกต้องก็ให้เพิกถอนการโอน เป็นสิทธิ์ของพี่ พี่มานั่งวันนี้เพื่อบอกว่าไม่ได้อุ้มพ่อแม่ไปเก็บเอาไว้ ไม่ได้กักขังหน่วงเหนี่ยว ตามที่สื่อเสนอไป คุณเสียหาย?

ปิง : ใช่ค่ะ

มุมคุณแป๋วก็เข้าใจ มีประเด็นที่จะคิดได้ แต่อย่าลืมว่าคุณเป็นพี่น้องกันนะ?

แป๋ว : ทำไมต้องปิดบัง ทำไมต้องปิดโทรศัพท์หนี ทำไมไม่ให้พ่อคุยโทรศัพท์ เวลาโทรคุยจะนั่งบงการอยู่ข้างๆ ตลอดค่ะ

ปิง : แล้วพ่อทำเป็นมั้ยคะ พ่อทำไม่เป็นสักอย่าง แกเปิดไม่ได้ รับสายยังไม่เป็นเลยค่ะ แล้วพี่ต้องทำให้มั้ยคะ

แป๋ว : แล้วปิดเครื่องหนีทำไมคะ

ปิง : จะไม่ปิดยังไง วันนั้นพี่เป็นคนโทรไปว่าพ่อเดินไม่ค่อยได้ พี่ขอ 4 ขา

ป้อม : เขาพาไปอยู่บ้านเช่าก็ไม่บอก

แป๋ว : พาไปแอบทำไมคะ

ปิง : เมื่อก่อนอยู่บ้านพี่ พี่ดูแลเรียบร้อยอยู่ในห้อง 4 เหลี่ยม นอนกันข้างบนหมด ไม่มีที่ตั้งเตียง พ่อกับแม่ พี่ก็เลี้ยงมา พอฝนตก พ่อเมื่อก่อนเดินได้ น้ำท่วม 3 รอบ คนแก่แกนอน ไม่ลุกขึ้น แกปวดหมดที่แขน ทำท่าว่าจะลงขา เดินไม่ค่อยได้ พี่พาไปหาหมอที่คลินิก หมอบอกว่าพ่อไม่ได้เป็นอะไร เกิดจากแกไม่เดินเอง จะทำให้แกเป็นอัมพฤกษ์ ก็คิดว่าถ้าเป็นแบบนี้ บ้านพี่มันแคบ ก็จะจ้างพี่เลี้ยง ไปอยู่ที่กว้างๆ จะได้จ้างพี่เลี้ยง พี่เลี้ยงก็จะได้นอนเป็นสัดเป็นส่วน ห้องก็จะได้กว้างขึ้น บ้านที่พ่อกับแม่อยู่ พอจะพาพ่อแม่เข้า เขาเอากุญแจไปล็อกสองลูกซ้ำ ดูรูปได้เลย ก็เลยเข้าบ้านไม่ได้ เลยพากลับไปที่เดิม

ป้อม : เขาก็มาด่าหนูว่าหนูเสื-ก เป็นเพราะอีป้อมตัวอุบาทว์ ด่าพี่ทำไม พี่ไม่ได้ล็อกประตูบ้าน

แป๋ว : สั่งล็อกเองค่ะ

ป้อม : แล้วด่าพี่ทำไม พี่ไม่ได้รู้เรื่องอะไร ช่วยเหลือตลอด

แป๋ว : ที่ไปล็อก ก็แจ้งเขาแล้ว ว่าให้ไปปลดล็อกกุญแจ เพราะจะให้คนของแป๋วไปล็อกเอง เพราะบ้านนั้นเป็นบ้านของแป๋ว เขาให้คนไปล็อก ก็เลยให้คนไปล็อกซ้ำ

ปิง : พี่ล็อกไว้ตั้งแต่แรก วันที่พาพ่อมา

แป๋ว : สั่งให้ไปปลดล็อกแล้ว ทำไมไม่ทำตามล่ะคะ

ปิง : แล้วจะให้ปลดให้ใครล่ะคะ

แป๋ว : คุณไม่สามารถล็อกประตูบ้านคนอื่นได้นะคะ

ตอนนี้พี่ต้องการอะไร?

ปิง :   ต้องการบอกสังคมให้รู้ว่าพี่ไม่ได้กักขังพ่อแม่

แป๋ว : ต้องการทวงความยุติธรรมให้พ่อกับแม่ พ่อแม่ไม่ได้สมัครใจ เขาเป็นคนพาไป แม่เดินไม่ได้ จะสมัครใจยังไง

คุณเองไม่ได้อยู่เมืองไทย พ่อแม่แก่แล้ว ถ้าจะให้พ่อแม่อยู่เมืองไทย คุณจะให้ใครดูแล?

แป๋ว :   กิต, ป้อม และสุค่ะ

เขาเป็นลูก เขามีสิทธิ์ดูแลพ่อแม่ คุณจะบอกว่าไม่ให้ดูแล คงไม่ได้?

แป๋ว : เขาจะรับไปอยู่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่จะให้ไปอยู่บ้านเช่า ดิฉันไม่โอเคค่ะ

ถ้าพี่เป็นปิง แล้วเห็นว่าพ่อต้องนอนอยู่แบบนี้ พ่อแม่จมกองขี้กองเยี่ยว ไม่มีคนดูแล ก็ขยับขยายเอามาอยู่ที่นี่ เอาคนดูแลมาดูแล ในฐานะเป็นลูกพี่อาจทำแบบนั้น แต่พี่ก็ต้องบอกเขาด้วย?

ปิง : เขาไม่เคยโทรมาหาเลย แล้วเขาก็ลบบล็อกหมด ไม่รับ ไม่มีไลน์

แป๋ว : โทรศัพท์คุณพ่อไงคะ ติดต่อกับคุณพ่อตลอด

ปิง : พี่ไม่อยากคุยกับเขาเลย คุยแล้วด่ากัน แต่บอกญาติคนอื่นให้ไปช่วยบอกให้

คุณมีสิทธิ์ในการดูแลทั้งคู่ ถ้าจะเอาไปก็ต้องบอกอีกฝ่าย เป็นสิทธิ์ทั้งคู่ นอกจากพี่ทำร้ายร่างกายพ่อแม่ ทางนี้ยื่นศาลขอเป็นผู้อนุบาลเอง นั่นอีกเรื่องนึง วันนี้พี่ต้องตกลงตรงนี้ให้ได้ก่อน?

ปิง : แต่พี่คิดว่าถ้าให้ผู้ชายคนนี้ดู พ่อไม่ได้กินข้าวแน่นอน วันนั้นพี่ไปประมาณ 9 โมงเช้า พ่อแม่นั่งงัวเงีย ข้าวไม่ได้กิน น้ำไม่ได้อาบ

กิต: เอาหลักฐานมา แล้วขอดูคลิปพี่เลี้ยงนอนอยู่ แล้วตาเดินอยู่ นั่นคือการดูแลที่ดีใช่มั้ย ที่บอกว่าไม่ได้กินข้าว เอาหลักฐานมา ถ้าเป็นผม ผมก็อยู่ตรงนั้นตลอด

วรรณา : ป้าต้องนอนพักผ่อนบ้าง ป้าอยู่บ้านใหญ่ 7 เดือน มันกลับมา 3 เดือน ไล่ป้าออกเหมือนหมา

แป๋ว : เพราะอะไรคะ

วรรณา : เพราะป้าไปซื้อขนมจีนมากินที่บ้าน มันฟังคนอื่นไม่ฟังป้า ที่บ้านไม่มีอะไรจะกิน เราต้องกินเพราะเราเป็นเบาหวาน เขาไล่ออกเลย

ป้อม : แป๋วพาพ่อไปอยู่รพ. ป้าวรรณามาบอกว่าป้อม เดี๋ยวจะพาไปซื้อรถมอเตอร์ไซค์ ป้อมก็โทรหาแป๋วว่าแกจะไปซื้อมอเตอร์ไซค์ แป๋วไม่รู้เหรอ แล้วมาอ้างว่าจะไปซื้อขนมจีน

แป๋ว : ให้ป้าเฝ้าแม่นะคะ ไม่ได้ให้ป้าไปทำธุรกรรมอย่างอื่น

วรรณา : กูไปเลี้ยง ได้เดือนละ 5 พันนะ

แป๋ว : 5 พันคือไปกลางวันนะคะ

วรรณา : ก็ใช่ แล้วไม่ได้กักขัง เรื่องนอนก็นอนจริง

ถ้าคุณให้คนอื่น ซึ่งเขามองว่าไม่ใช่ญาติ สิทธิ์ควรเป็นฝั่งปิงดูแล ยกเว้นคุณกลับมาเมืองไทยดูแลแม่เอง กับสองคุณต้องพาพ่อแม่ไปอยู่อิตาลีด้วย แต่ถ้าพ่อแม่อยู่นี่ คุณจะจ้างคนอื่นมาดูแล ทางนี้คงไม่ยอม?

ปิง : ไม่ใช่ ไปจ้างมาแล้วมาเสื-กทุกเรื่องเลย เข้ามาจัดการหมดทุกเรื่อง พี่ทำอะไรไม่ได้เลย พี่เข้าไปทำอะไรในบ้านเขาไมได้ เพราะโฉนดที่ดินพ่อโอนเป็นของเขาแล้ว เขาก็เลยด่าไล่พี่ไม่ให้เข้าบ้าน เขาว่ากรรมสิทธิ์อยู่ที่เขา พ่อว่าไม่ได้โอนให้ แต่จะให้เขาตอนพ่อเสียแล้ว และให้ลูกพี่ครึ่งนึง ให้เขาครึ่งนึง แต่เขาไปชิงโอนก่อน แล้วแจ้งเทศบาลหมดเลย ว่าเขาเป็นเจ้าของบ้าน มีสิทธิ์แจ้งความพี่ เงินคนแก่เขาก็โอนเข้าบัญชีเขาหมดเลย ไม่อยู่ในบัญชีแม่เลย

แป๋ว : เพราะต้องการทำอีแบงก์กิ้งค่ะ

ทนายแก้ว : พ่อแม่สมัครใจให้เข้าบัญชีคุณเหรอ

ปิง : แล้วแม่จะรู้เรื่องได้ยังไง แม่สวดมนต์ทั้งวัน ปั๊มหมดเลย

แป๋ว : ก็ทำถูกต้องนะคะ

ทนายแก้ว : แบบนี้ต้องฟ้องร้อง และไปจบที่ศาล ถ้าไม่รอมชอมกัน  วันนั้นเหตุการณ์พ่อโอนที่ดินให้คุณ พ่อสมัครใจจริงๆ ใช่มั้ยครับ

แป๋ว : สมัครใจค่ะ คุณป้าวรรณาโทรไปที่อิตาลี บอกว่าแป๋วรีบกลับมานะ พ่อจะโอนที่ดินให้

วรรณา : ที่ดินผืนแรกไปด้วย แต่ที่ดินผืนสองไม่ได้ไปด้วย วันที่โอน 6 ไร่ไม่ได้ไปเลย

แป๋ว : ไปค่ะ โอนวันที่เราไปขายที่ดินกันค่ะป้า เพราะป้าจะเอา 3 เปอร์เซ็นต์ไงคะ

วรรณา : แล้วได้หรือเปล่า

แป๋ว : แล้วป้าทำอะไรมั้ยคะ

ปิง : ค่านายหน้าตามกฎหมายเขาต้องได้มั้ยคะ

วรรณา : มันชวนไป แล้วมันขาย ให้ป้าเป็นนายหน้า

ปิง : มีที่แปลงนึงที่ขายไป แล้วได้เงินมา 7.3 แสน แอบขายกันโดยพี่ไม่รู้เลย บอกคนซื้อว่าไม่ต้องเล่าให้พี่ฟัง เพราะตัดพี่ตัดน้องแล้ว ที่เป็นของพ่อ แล้วเอาเงินเข้าบัญชีตัวเองหมด ณ วันนี้ไม่เห็นเลย 7.3 แสน

เงินไปไหน?

แป๋ว : อยู่ค่ะ พ่อให้หนูค่ะ เอาไว้ดูแลรักษา

พ่อเกลียดเขามากเหรอ ไม่ให้สักอย่างเลยเหรอ?

แป๋ว : เขาบอกพ่อด่าเขาทุกวัน ด่าเรื่องอะไร

ปิง : พ่อด่าว่าพี่เป็นต้นเหตุให้น้องไปอยู่ต่างประเทศ แกรักน้องมาก พี่ว่าพี่ไม่ได้ไล่เขาไปเลย พอญาติมากี่คน แกก็บอกว่าพี่ไล่ไป พี่ไม่ได้ไล่ แล้วพาลมาด่าพี่ทุกวัน

แป๋ว : มีหลายสาเหตุ แต่เขาไม่ยอมรับ ว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร

ทนายแก้ว : กรณีที่พ่อแม่โอนที่ดินให้แป๋ว ตัวป้าวรรณาไปมั้ย

วรรณา : ไป ไปเป็นนายหน้า แต่ 6 ไร่ไม่ได้ไป ไม่รู้เรื่อง ถ้าโอนมันขโมยโอนเอง ก็ยังบอกว่าต้องแบ่งกัน อย่าทำปิงนะ ตรงนั้นสมบัติน้าเจมส์ให้มึงแล้ว ตรงโน้นขายไปแล้ว ตรงนี้อย่าทำกับปิงนะ ให้แบ่งกัน

ทนายแก้ว : ทำไมไม่คุยกับพ่อแม่เขา

วรรณา : ไม่ได้ขึ้นไป เขาให้อยู่ข้างล่าง

แป๋ว : ป้าขึ้นไปค่ะ จะเอาค่านายหน้า ไปถามจากเจ้าพนักงานว่าค่านายหน้าแยกให้เลยมั้ย

วรรณา : แล้วได้ครบมั้ย

แป๋ว : ก็ไม่ได้ตกลงกันว่า 3 เปอร์เซ็นต์นะคะป้า ป้าไม่ได้มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร

วรรณา : ใช่ ป้าผิดตรงนั้นแหละค่ะ

ทนายแก้ว : เอาคุยกันด้วยข้อเท็จจริง คุณมีการบอกจะให้ค่านายหน้าป้าเขาหรือเปล่า

แป๋ว : ตกลงค่ะ แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้ป้าเขาเท่าไหร่

วรรณา : มันบอก มันคูณสาม สามเปอร์เซ็นต์

แป๋ว : ไม่ได้พูดค่ะ รับปากว่าจะให้ค่านายหน้า แต่ไม่ได้บอกว่าจะให้กี่เปอร์เซ็นต์

แล้วจะให้กี่เปอร์เซ็นต์?

แป๋ว : ให้ 2 หมื่นค่ะ

วรรณา : เขาขายได้ล้านกว่า 2 แปลง

แป๋ว : ที่ดินตรงนี้ชื่อแป๋วเอง

ทนายแก้ว :  2 หมื่นที่แป๋วให้ เป็นกี่เปอร์เซ็นต์ที่แป๋วคิด

แป๋ว : ไม่ได้ตกลงค่ะว่ากี่เปอร์เซ็นต์

ขายได้เท่าไหร่?

แป๋ว : 1.4 ล้านค่ะ

วรรณา : เราพูดกันว่าขอสัก 2.5 หมื่น มันโอเค ให้ทีละหมื่น ๆ

ทนายแก้ว : ทางนี้ยืนยันไม่ให้ ที่ดิน 6 ไร่

แป๋ว : ใช่ค่ะ

ทนายแก้ว : ทางนี้ก็ใช้สิทธิ์ไป กรณีพ่อแม่เซ็นลงไป อำพราง ถูกหลอกลวง เป็นคนฉ้อฉล แต่การทำสัญญาซื้อขายที่สำนักงานที่ดิน ค่อนข้างมีพยาน คือเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีการรับทราบ พูดคุยสอบถามกับคุณพ่อคุณแม่หรือเปล่า ต้องไปสอบข้อเท็จจริง ส่วนฝั่งนายหน้าต้องตกลงเป็นหนังสือ ถึงมีสิทธิ์ฟ้องร้องกันได้

วรรณา : ไม่มีหนังสือ เราถือว่าเป็นญาติกัน

ผมเข้าใจทุกคน ค่อยๆ ใจเย็นๆ ปัญหาอยู่ที่เรื่องทรัพย์สมบัติ ทำให้พี่น้องตีกัน แต่วันนึงก็ตัดกันไม่ขาดหรอก วันนึงคุณก็ต้องมาคุยกันอยู่ดี อันไหนเบาได้ก็เบา อันไหนอภัยให้กันได้ก็อภัย พ่อแม่เขาจะมีความสุขที่สุดเวลาเห็นลูกรักกัน แต่วันนี้พ่อแม่ทุกข์ใจนะ ลองไปคิดดู อย่าเพิ่งอคติ ที่สำคัญอย่าฟังคนอื่น อย่าฟังคนนอก อย่าฟังคนอยู่รอบข้าง ที่ไม่ใช่พี่น้องเรา เราคุยกันดีๆ เชื่อผม เพราะเวลาคุณโตมา คุณโตมาด้วยกัน เล่นด้วยกัน ไปโรงเรียนด้วยกัน กินข้าวมาด้วยกัน แต่พอโตต่างคนต่างมีครอบครัว คุณก็ไปฟังคนอื่นเหมือนกันในบางมุม แต่ไม่ก้าวล่วง เข้าใจแหละว่ามีแผลในใจแล้ว คุณต้องการอะไร?

ปิง : อยากจะบอกสังคมว่าพี่ไม่ได้กระทำกับพ่อแม่ไม่ดีเลย ที่ผ่านมาพี่เลี้ยงดูอย่างดี พ่ออยากกินอะไรพี่ไปซื้อ พ่อชอบหมูต้ม ถ้าไม่ได้ต้มหมูอาทิตย์ละครั้งก็ไม่ได้ ไม่งั้นอารมณ์เสีย เช้าไปซื้อขนมครก กล้วย มาตั้งให้พ่อแม่ทุกวันไม่เคยขาด แต่พี่กลับมาโดนกระทำด้วยคำว่ากักขังพ่อแม่ มันไม่สมควรมั้ยพี่

แป๋ว ต้องการอะไร?

แป๋ว : ต้องการถามว่าคุณพ่อเป็นอะไร  ทำไมเดินไม่ได้คะ แล้วยาความดัน เส้นเลือดตีบของคุณพ่อ ก็ไม่ได้กินเลย ทำไมคุณไม่ให้กินคะ แล้วที่หมอนัด ทำไมไม่พาคุณพ่อไปคะ คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ออกมามองเห็นเดือนเห็นตะวัน อยู่แต่ในห้องสี่เหลี่ยมตลอดเวลา

ปิง : ออกมาค่ะ

แป๋ว : ถ้าออกมาทุกคนต้องเห็น เพราะทุกคนไปขับรถวนอยู่

ปิง : นี่แหละ คนนี้ไปสืบพี่ไปซอยไหน พี่ไปไหนขับรถตาม มาตามพี่ สืบว่าพี่ไปไหน ได้เหรอคะ

กิต: บนถนนพี่ไม่มีสิทธิ์ขับรถเหรอ

ทนายแก้ว : ถ้าประเด็นหลักทุกอย่างก็จบ

ปิง : ถ้าพาคนนอกมาก็ไม่จบ ใครรู้ตัวว่าเป็นคนนอกก็หยุดได้แล้ว

ประเด็นวันนี้ทำให้เห็นอย่าง มีลูกหลายๆ คน รักลูกให้เท่ากัน?

ทนายแก้ว : เวลาทำโอนทรัพย์สินก็ทำโอนให้ชัดเจน จะโอนก็โอน จะให้ก็ให้ จะเขียนพินัยกรรมก็เขียนพินัยกรรม จะได้ไม่ต้องมีปัญหากัน