ฝุ่นภาคเหนือยังไม่คลี่คลาย ฝนหลวงฯ ลุยสลายฝุ่นต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมปฏิบัติการฝนหลวงรับฤดูกาลเพาะปลูกที่กำลังจะมาถึง

เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 7 ก.พ.68 นายราเชน ศิลปะรายะ รองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร ด้านปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจติดตามการปฏิบัติภารกิจบรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 พื้นที่ภาคเหนือ ณ หน่วยบรรเทาปัญหา PM 2.5 จ.พิษณุโลก พร้อมเปิดเผยว่า ขณะนี้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ตั้งหน่วยบรรเทาปัญหา PM 2.5 เพื่อช่วยบรรเทาสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานในพื้นที่กรุงเทพฯ - ปริมณฑล และพื้นที่ภาคเหนือ โดยในพื้นที่ภาคเหนือปัจจุบันมีหน่วยบรรเทาปัญหา PM 2.5 จำนวน 3 หน่วย ได้แก่ หน่วยฯ จ.พิษณุโลก ใช้เครื่องบิน CASA จำนวน 2 ลำ และเครื่องบิน Super King Air จำนวน 2 ลำ หน่วยฯ จ.แพร่ ใช้เครื่องบิน CASA จำนวน 1 ลำ และเครื่องบิน CARAVAN จำนวน 1 ลำ และหน่วยฯ จ.เชียงใหม่ ใช้เครื่องบิน CN จำนวน 1 ลำ และเครื่องบิน CARAVAN จำนวน 2 ลำ ติดตามสภาพอากาศและปฏิบัติการเป็นประจำทุกวันอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ฝุ่นละอองอยู่ในระดับที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยจะมีการปรับแผนการเคลื่อนย้ายอากาศยานและเจ้าหน้าที่มาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ภาคเหนือจนกว่าสถานการณ์ฝุ่นละอองจะคลี่คลายลง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 – 5 กุมภาพันธ์ 2568 กรมฝนหลวงและการบินเกษตรปฏิบัติการภารกิจบรรเทาฝุ่นละออง PM 2.5 ไปจำนวน 66 วัน 1,110 เที่ยวบิน ใช้ปริมาณน้ำปรับอุณหภูมิ (น้ำ+น้ำแข็ง) 825,300 ลิตร และใช้สารฝนหลวงไปจำนวนทั้งสิ้น 268.460 ตัน ซึ่งผลการปฏิบัติการพบว่าคุณภาพอากาศบริเวณพื้นที่ปฏิบัติการมีแนวโน้มดีขึ้นหลังการปฏิบัติการในแต่ละครั้ง

นายราเชน กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในเช้าวันนี้ (7 ก.พ. 2568) มีแผนปฏิบัติการระบายฝุ่นละออง ออกจากพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างด้วยเทคนิคการสเปรย์น้ำเย็นช่วงเวลา 10.00 – 12.00 น. โดยหน่วยฯ จ.เชียงใหม่ บินปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน CN จำนวน 1 ลำ บริเวณ อ.เมือง จ.สุโขทัย และหน่วยฯ จ.แพร่ บินปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน CASA จำนวน 1 ลำ บริเวณ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย และปฏิบัติการในช่วงบ่ายด้วยการสเปรย์น้ำเย็น โดยหน่วยฯ จ.เชียงใหม่ ปฏิบัติการบริเวณ อ.เมือง จ.สุโขทัย หน่วยฯ จ.แพร่ ปฏิบัติการบริเวณ อ.ศรีสำโรง จ.สุโขทัย หน่วยฯ จ.อุดรธานี ปฏิบัติการบริเวณ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และใช้เทคนิคเลี้ยงเมฆเพื่อดูดซับและระบายฝุ่นละออง โดยหน่วย จ.พิษณุโลก ปฏิบัติการบริเวณ อ.เนินมะปราง - อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และ อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร 

ส่วนการช่วยเหลือในพื้นที่กรุงเทพฯ – ปริมณฑล มีแผนปฏิบัติการด้วยเทคนิคการสเปรย์น้ำเย็นและการก่อเมฆเพื่อดูดซับและระบายฝุ่นละอองในช่วงเวลา 10.00 – 12.00 น. โดยหน่วยฯ จ.กาญจนบุรี บินปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน CARAVAN จำนวน 1 ลำ บริเวณ อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี ถึง อ.เมือง จ.ราชบุรี หน่วยฯ จ.ระยอง บินปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน CARAVAN จำนวน 2 ลำ บริเวณ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ถึง อ.เมือง จ.ระยอง และ อ.บ่อทอง จ.ชลบุรี ถึง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา และหน่วยฯ อ.หัวหิน บินปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน CASA จำนวน 2 ลำ และเครื่องบิน CARAVAN จำนวน 1 ลำ บริเวณ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี อ.โพธาราม จ.ราชบุรี และ อ.ชะอำ ถึง อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี รวมถึงยังมีหน่วยฯ อุดรธานี บินปฏิบัติการด้วยเครื่องบิน CASA จำนวน 2 ลำ บริเวณ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก และ อ.นครไทย จ.พิษณุโลก และต่อเนื่องในช่วงบ่าย เวลา 13.00-16.00 น. โดยหน่วยฯ อ.หัวหิน ปฏิบัติการบริเวณ อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร อ.บางแพ จ.ราชบุรี อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ถึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี หน่วยฯ จ.กาญจนบุรี ปฏิบัติการบริเวณทิศใต้ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร และหน่วยฯ จ.ระยอง ปฏิบัติการบริเวณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ถึง อ.นิคมพัฒนา จ.ระยอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับภารกิจการปฏิบัติการฝนหลวงเพื่อช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในฤดูกาลเพาะปลูกที่กำลังจะมาถึง กรมฝนหลวงและการบินเกษตรมีการติดตามความต้องการน้ำ และบินสำรวจพื้นที่การเกษตรที่อยู่ระหว่างการเก็บเกี่ยว โดยจะนำมาวางแผนเพื่อปฏิบัติการฝนหลวงให้ตรงความต้องการและไม่ให้กระทบกับพื้นที่การเกษตรที่ยังเก็บเกี่ยวไม่เรียบร้อย โดยขอให้เกษตรกรและประชาชนสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารของกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้ทางเพจ Facebook กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ช่องทางโซเชียลมีเดีย @drraa_pr และศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำภูมิภาค