ถูกตีตราว่าเป็นภัยร้ายที่คร่าชีวิตผู้คน จนยกให้เป็น “นักฆ่าล่องหน (Invisible killer)” ที่แฝงตัวอยู่ในพื้นดิน ใต้ผืนพิภพของโลกเรา
นั่นคือ “กับดักระเบิด” หรือ “ทุ่นระเบิด” ที่มีผู้นำไปฝังใต้พื้นดิน ในอาณาบริเวณที่เกิดสงครามการสู้รบ
ยกตัวอย่างเช่น “ซีเรีย” ประเทศที่ถูก “สงครามกลางเมือง” และ “สงครามก่อการร้าย” ทำลายล้างมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2011 (พ.ศ. 2554) หรือเมื่อเกือบ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งจนถึง ณ ชั่วโมงนี้ ก็ยังมีเสียงปืน เสียงระเบิด ดังกึกก้องกัมปนาท ในปฏิบัติการโจมตีเข่นฆ่ากันระหว่างฝ่ายต่างๆ กันอยู่เลย
ทั้งนี้ นอกจากการใช้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ มาเข่นฆ่ากันแล้ว ปรากฏว่า แต่ละฝ่าย ต่างก็ใช้วิธีวางทุ่นระเบิด หรือกับดักระเบิด ฝังใต้ผืนดินในพื้นที่ต่างๆ กันอีกด้วย
ยิ่งสถานการณ์สู้รบยืดเยื้อยาวนานมากเท่าไหร่ การวางกับดักระเบิดใต้ผืนดิน เพื่อใช้สกัดการรุกคืบของฝ่ายตรงข้ามก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ส่งผลให้ “ซีเรีย” กลายสภาพเป็นอีกประเทศหนึ่ง ที่มีกับดักระเบิดถูกลอบฝังไว้กันแบบเกลื่อนประเทศ อันเป็นผลจากการสู้รบเผชิญหน้ากันของฝ่ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพรัฐบาล กับกองกำลังติดอาวุธของฝ่ายต่อต้านรัฐบาล รวมไปถึงขบวนก่อการร้ายอิสลามหัวรุนแรงที่เคลื่อนไหวในซีเรีย เช่น กลุ่มรัฐอิสลาม หรือไอเอส หรือที่บางคนก็เรียกว่า “ไอซิส” เป็นต้น นอกจากนี้ ซีเรียก็ยังเป็นสมรภูมิสู้รบ ระหว่างชนกลุ่มน้อยชาวเผ่าเคิร์ดที่ติดอาวุธกับกองทัพรัฐบาลซีเรีย และกองทัพของตุรเคีย ประเทศไม้เบื่อไม้เมากับชนกลุ่มน้อยชาวเผ่าเคิร์ดอีกต่างหากด้วย สวนทางแตกต่างจากการเก็บกู้วัตถุระเบิดที่ต้องบอกว่าน้อยมาก เพราะมีอยู่ไม่กี่หน่วยงานและองค์กรที่เข้าไปช่วยเก็บกู้ ที่นับว่าเป็นที่รู้จักกัน เพราะได้ยินชื่อเสียงเรียงนามอยู่บ่อยครั้ง นั่นก็คือ “เฮโล ทรัสต์ (HALO Trust)”
โดย “เฮโล ทรัสต์” ก็เป็นองค์กรการกุศลและพัฒนาเอกชนด้านมนุษยธรรม ซึ่งมีงาน หรือภารกิจหลัก ก็คือ การเก็บกู้กับดักระเบิด หรือทุ่นระเบิด ที่ฝังไว้ใต้พื้นดิน และมีสำนักงานใหญ่อยู่ในสหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
เมื่อหน่วยงานหรือองค์กรที่เก็บกู้วัตถุระเบิดมีน้อยแห่งเช่นนี้ ก็ทำให้ซีเรียมีกับดักระเบิด หรือทุ่นระเบิดฝังไว้อย่างเกลื่อนเมืองตามที่กล่าวแล้วข้างต้น
ก็ส่งผลให้กับดักระเบิด หรือทุ่นระเบิดเหล่านี้ กลายเป็นเพชฌฆาตเงียบ หรือมัจจุราชไร้เงา เพราะมันเป็นนักฆ่าล่องหน ที่ผู้คนมองไม่เห็นตัว เนื่องจากมันถูกฝังอยู่ใต้พื้นดิน ได้คร่าชีวิตผู้คนในซีเรียไปเป็นจำนวนมากตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา
ตามการประมาณการของ “ฮาโล ทรัสต์” ระบุว่า ในซีเรีย น่าจะมีกับดักระเบิด หรือทุ่นระเบิดฝังไว้ใต้พื้นดินรวมแล้วไม่น้อยกว่า 700,000 ลูก ซึ่งยังอยู่ใต้ผืนดิน และพร้อมที่จะระเบิดตูมตามกลายเป็นพญามัจจุราชพิฆาตชีวิตผู้คนขึ้นมา หากว่าใครไปเหยียบพวกมันเข้า
ขณะเดียวกัน ทางด้านเครือข่ายสิทธิมนุษยชนในซีเรีย หรือเอสเอ็นเอชอาร์ ก็ระบุว่า นับตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมือง จนถึงสิ้นเดือนธันวาคม 2024 (พ.ศ. 2567) หรือเมื่อเกือบ 14 ปีที่แล้วเป็นต้นมา กับดักระเบิดได้สังหารผู้คนในซีเรีย ไม่ว่าจะเป็นทหาร กองกำลังติดอาวุธ และพลเรือน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบด้วย รวมแล้วไม่ต่ำกว่า 10,400 คน และคาดว่า ตัวเลขความเป็นจริงน่าจะสูงกว่านั้น เพราะยังมีตกสำรวจ หรือไม่ได้รับรายงาน สำหรับพื้นที่ชนบทห่างไกล ที่กลายเป็นสมรภูมิสู้รบ
ในจำนวนข้างต้นนั้น ตามที่มีรายงานมายัง “เอสเอ็นเอชอาร์” ปรากฏว่า เป็นพลเมืองที่ไม่เกี่ยวกับการสู้รบจากฝ่ายไหนๆ เลย จำนวนถึง 3,521 คน ที่ถูกกับดักระเบิดปลิดชีวิต ซึ่งพลเรือนเหล่านี้ จำนวนไม่น้อยทีเดียวที่เป็นเกษตรกร ทำการเกษตรต่างๆ แต่มีอันต้องชะตาขาด เพราะไปเหยียบ หรือไปขุดดิน โดนกับดักระเบิดที่กองกำลังฝ่ายต่างๆ ลอบฝังกับดักระเบิดไว้ใต้ดินเหล่านี้เข้า
และที่น่าเศร้าใจเป็นอย่างมาก ตามการเปิดเผยของ “เอสเอ็นเอชอาร์” ระบุว่า ในจำนวนพลเรือน 3,521 คน ที่ถูกกับดักระเบิดปลิดวิญญาณของพวกเขาไปนั้น ปรากฏว่า เป็นเด็กจำนวนมากถึง 951 คน และเป็นสตรีจำนวน 362 คน
โดยเด็กๆ เหล่านี้ ตกเป็นเหยื่อกับดักระเบิด เพราะวิ่งเล่นซุกซานตามประสาเด็ก แล้วไปเหยียบกับดักระเบิดเหล่านี้เข้า หรือไปพบจอทุ่นระเบิดที่กองกำลังต่างๆ ลอบเอาไว้ แล้วไม่รู้ว่า มันคือวัตถุระเบิด แล้วนำมาถือเล่น จนเกิดระเบิดตูมตามขึ้น
ส่วนเหยื่อกับดักระเบิดที่เป็นสตรี ก็เป็นผลจากการทำการเกษตร แล้วไปเหยียบกับดักระเบิด จนสิ้นชีพไปอย่างไม่รู้ตัว
นอกจากนี้ ก็ยังมีเหยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ จนกลายเป็นผู้พิการ หรือทุพพลภาพไป เพราะไปเหยียบกับดักระเบิด แต่รอดชีวิตมาได้ ทว่า ก็สร้างความลำบากในการดำรงชีพของเหยื่อกับดักระเบิดที่ได้รับบาดเจ็บจนเป็นผู้พิกลพิการเหล่านี้ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีผู้ไปเหยียบกับดักระเบิด จนมีคนล้มตาย และบาดเจ็บถึงขั้นกลายเป็นผู้พิกลพิการทุพพลภาพไปนั้น ก็ส่งผลต่อการดำรงชีพของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่สู้รบ ที่หวั่นวิตกว่า จะไปเหยียบกับดักระเบิดเหล่านี้เข้า ไม่วันใดก็วันหนึ่ง โดยถ้าไม่ตาย ก็กลายเป็นผู้พิการไป ซึ่งพื้นที่ที่ว่า ก็เป็นพื้นที่ทางการเกษตรตามเมืองต่างๆ เสียส่วนใหญ่
นอกจากผู้คนที่พำนักอาศัยแต่ในซีเรีย ไม่ได้เดินทางอพยพหลบหนีไปไหนมาตั้งแต่เกิดสงครามกลางเมือง และสงครามก่อการร้ายแล้ว ปรากฏว่า ชาวซีเรียที่อพยพลี้ภัยสงครามการสู้รบยังต่างประเทศ ก็มีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากเช่นกันว่า จะไม่ปลอดภัยจากกับดักระเบิดที่มีอยู่เกลื่อนเมือง หากพวกเขากลับมาอยู่ในดินแดนบ้านเกิดมาตุภูมิของตน ด้วยประการฉะนี้ เรื่องกับดักระเบิดดังกล่าว ก็ถูกจัดให้เป็นอีกหนึ่งในเหตุปัจจัยที่ทำให้ชาวซีเรียอพยพไม่กล้ากลับประเทศ หลังรัฐบาลประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำเผด็จการของซีเรียถูกโค่นอำนาจจนล่มสลายไปแล้วก็ตาม