สระบุรี DSI ลุยตรวจสอบเป้าหมายหาหลักฐานเชื่อมโยงบริษัทผู้นำเข้าหมูเถื่อนรายใหญ่ส่งขายห้างค้าปลีกยักษ์ใหญ่ทั่วประเทศมูลค่ากว่า2หมื่นล้าน
วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา10.00 น.พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ที่ 126/2566 นำหมายศาล จ.สระบุรีเข้าตรวจค้นเป้าหมายบริษัทผู้นำเข้าหมูเถื่อนรายใหญ่ ตั้งอยู่ริมถนนสายลำพญากลาง-ปากช่อง ต.ลำพญากลาง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี
โดยเจ้าหน้าที่ได้นำหมายศาลแสดงแต่ไม่พบตัวนายทรงพล เจ้าของบริษัทแต่อย่างใด มีเพียง น.ส.สุภาวดี ผู้จัดการฯ ออกมาต้อนรับเจ้าหน้าที่จึงอ่านหมายศาล และวัตถุประสงค์การเข้าตรวจสอบให้ น.ส.สุภาวดี ก่อนเซ็นรับรับทราบ และนำเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นในพื้นที่บริเวณดังกล่าวตามพยานหลักฐานที่ได้จากการสอบสวนแล้วว่า เป็นต้นทางซึ่งใช้เป็นสถานที่ใช้ในการจัดทำเอกสารการซื้อ นำเข้าซากสุกรนำเข้ามาจากต่างประเทศ การชำระสินค้า การจำหน่ายซากสุกร (หมูเถื่อน) ที่ซื้อมาจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และไม่ได้ชำระภาษีอากรให้กับประเทศไทยในกรณีการสำแดงสินค้าเป็นปลา และชำระภาษีอากรน้อยกว่าความเป็นจริงกรณีสำแดงราคาต่ำกว่าความเป็นจริง ประกอบกับรายดังกล่าว เป็นกลุ่มที่นำเข้าที่เป็นรายใหญ่ทีสุดในประเทศไทย กาตรวจค้น เอกสาร หลักฐานต่างๆ (ตู้เอกสาร) รวม 3 จุดคือ ที่ห้องประชุมของบริษัทฯ /ภายในออฟฟิตร้านจำหน่ายสินค้าเบ็ดเตล็ด และจุดสุดท้ายในบ้านพักหลังใหญ่ที่อยู่ในรั้วเดียวกัน โดยใช้เวลาในการตรวจต้นราว 1 ช.ม.เศษ จึงแล้วเสร็จไม่พบเอกสารหรือสิ่งผิดกฏหมายที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ก่อนเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ คดีพิเศษที่ 126/2566 ได้ทำการสอบสวนแล้วพบว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ในระหว่าง วันที่ 1 ธ.ค.2563 -13 มิ.ย.2566 กลุ่มของ นายทรงพล เทียนขำ และนายบริบูรณ์ ลออปักษิณ แท้จริงเป็นกลุ่มทุนและกลุ่มการเมืองเดียวกันซึ่งได้ร่วมกันในการนำเข้าสินค้าประเภทซากสัตว์สุกรเข้ามาจำหน่าย ในประเทศไทย โดยสำแดงเท็จเป็นปลา (สัตว์น้ำ)ซึ่งไม่ต้องชำระภาษีอากรแต่อย่างใดเนื่องจากพิกัดอัตราภาษีศุลกากรปลาเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ โดยได้นำสินค้าออกไปจากท่าเรือแหลมฉบัง แล้วไปจำหน่ายในท้องตลาดในประเทศไทย โดยมีตัวการที่สำคัญ และเป็นรายที่ใหญ่มี่สุดในประเทศไทย โดยส่งสินค้าซากสุกรเหล่านี้ให้กับห้างยักษ์ใหญ่ค้าปลีกทั่วประเทศ
โดยนายทรงพล เทียนขำ เป็นเจ้าของตัวจริง มีบริษัทลูกที่จำแนกออกไป 4 บริษัทคือ 1 บริษัท เดอะวินเนอร์ เทรดดิ้ง จำกัด 2 บริษัท ยูเจ อินเตอร์ฟูด จำกัด 3 บริษัท ไจแอ๊นด์ เทรดดิ้งจำกัด และ 4 บริษัท แกรนด์ฟู๊ด จำกัด
ทางด้านพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)หัวหน้าคณะพนักงานสอบสวน คดีพิเศษ ที่126/2566 เผยว่าเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษร่วมกับเจ้าหน้าที่พื้นที่ได้ทำการตรวจค้นที่บริษัทดังกล่าวเนื่องจากว่าบริษัทดังกล่าวได้ซึ่งเคยจดทะเบียนไว้ที่นี่แต่ในปัจจุบันได้เลิกบริษัทไปแล้วไม่มีที่ตั้งอยู่ที่นี่ซึ่งบริษัทดังกล่าวได้มีการโอนเงินกับบริษัทที่ได้ถูกจับกุมไปแล้ว 2 บริษัท ซึ่งมีการโอนเงินกันเกือบ 500 ครั้งและยังมีการโอนเงินไปยังต่างประเทศ ซึ่งเป็นบริษัทที่ส่งชิ้นส่วนสุกรแช่แข็งเข้ามาในประเทศไทยซึ่งส่งเข้ากับ 10 บริษัทที่ได้ถูกจับกุมไปแล้ว จึงเป็นเหตุที่ต้องมาตรวจค้นที่นี่ ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนเกือบจำนวน 2หมื่นล้านบาท และในจำนวนที่ตรวจสอบก็เป็นการส่งสินค้าเข้าไปบริษัท โมเดิลเทรด ขนาดใหญ่และก็บริษัทเล็กๆอีกจำนวนมากในช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาดในประเทศไทยในปี 2564 และ2565 ต่อเนื่องปี 2566 มีเงินหมุนเวียนมากผิดปกติซึ่งเป็นเหตุสงสัยจึงทำให้ต้องเข้ามาตรวจค้นภายในบริษัทแห่งนี้
นอกจากนี้การส่งสินค้าเข้ามาในประเทศไทยเป็นสินค้าเกี่ยวกับห้องเย็นทั้งหมด กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ทำ พรบ.ความร่วมมือระหว่างประเทศไปกับอีกหลายประเทศไม่ว่าจะเป็น อิตาลี เยอรมัน เนเธอแลนด์ เดนมาร์ค บราซิล เนื่องจากว่ากลุ่มบริษัทดังกล่าวมีการสั่งสินค้าเข้ามาจากประเทศดังกล่าว ซึ่งคณะสอบสวนจะเริ่มเดินทางในปลายเดือนนี้เพื่อเข้าไปตรวจสอบใบบีแอล ใบอินวอย ว่าสินค้าที่ส่งเข้ามานั้นเป็นอะไรโดยที่ผ่านมายังมีอีกหลายบริษัทที่มีการสำแดงเท็จ ส่งสินค้ามาเป็นชิ้นส่วนสุกร แต่แสดงเอกสารเป็นแผ่นโพลิเมอร์บ้าง หรือเป็นสัตว์น้ำบ้าง ซึ่งได้ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วว่ามีการสำแดงเท็จจากปลาเป็นชิ้นส่วนสุกร ในส่วนของบริษัทดังกล่าวได้มีการสั่งสินค้าเข้ามาอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และในวันนี้ได้มาตรวจสอบตรวจค้นเพื่อหาสิ่งของที่เกี่ยวข้องในคดีพบว่าบริษัทดังกล่าวเคยใช้ที่อยู่ที่นี่เป็นที่ตั้งบริษัท แต่จากการสอบถามเจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่นี่พบว่า ไม่มีการตั้งทำกิจการบริษัทนี้แต่อย่างไร เพียงใช้ชื่อ และที่อยู่ของสถานที่นี้เป็นที่ดำเนินการรับเอกสาร ส่งเอกสาร ซึ่งจากการตรวจสอบบริเวณทั้งหมดไม่พบ สิ่งของที่เกี่ยวข้องของบริษัทที่ตรวจสอบแต่อย่างไร
ซึ่งทั้ง2บริษัทที่เชื่อมโยงกับบริษัทดังกล่าว ได้ประกอบกิจการเกี่ยวกับการนำสินค้าคือตู้เย็นที่มีชิ้นส่วนสุการแช่แข็ง และสัตว์น้ำอื่นๆเข้ามาในประเทศไทย โดยผ่านทางท่าเรือแหลมฉบัง และส่งกระจายสินค้าไปยังที่ต่างๆ จากข้อมูลที่ตรวจสอบพบว่าบริษัทปลายทางแจ้งว่าได้ซื้อสินค้ามาจากบริษัทดังกล่าวนี้ แต่เมื่อมาตรวจกลับไม่พบว่ามีการตั้งบริษัทแต่อย่างไรมีเพียงใช้ชื่อสถานที่ตั้งเท่านั้น ส่วนที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เข้ามาดำเนินการเนื่องจากว่าตรวจสอบพบว่ามีสินค้าสุกรแช่แข็ง หรือสินค้าอื่นอีกประมาณ 6,000 ตู้ได้นำเข้ามาจากประเทศดังกล่าว โดยจะมีการตรวจอินวอยว่าสินค้าที่สั่งเข้ามานั้นเป็นอะไรกันแน่ เพราะปลายทางคือชิ้นส่วนสุกรแช่แงทั้งหมด แต่เมื่อดูแล้วพบว่ามีการแจ้งเท็จว่าเป็นปลา เป็นโพลิมอร์ ซึ่งสินค้าในแต่ละตู้จะมีกำไลประมาณ 2 ล้านบาทเศษ และเมื่อคำนวณจาก 6,000 ตู้จะเป็นจำนวนเงิน หมื่นล้านกว่าบาทและเมื่อดูเงินหมุนเวียนกับบริษัทแล้วก็จะสอดคล้องกับตู้ที่เข้ามาในประเทศไทยคือมากกว่า 2หมื่นล้านบาท
พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม กล่าวเสริมว่า จากการมาตรวจค้นบริษัทดังกล่าวนั้นไม่พบผู้บริหารของบริษัท ซึ่งจะต้องออกหนังสือเชิญเข้ามาให้ข้อเท็จจริงว่า เหตุไดจึงใช้พื้นที่นี้เป็นที่ตั้งบริษัท และไม่พบว่าเป็นที่ทำการบริษัทแต่อย่างได เนื่องพบว่ามีเงินหมุนเวียนเป็นจำนวนมาก และเป็นข้อสงสัยของพนักงานสอบสวนที่จะต้องเชิญตัวเจ้าของบริษัทมาให้ข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนต่อไป