ก่อนที่ “รัฐบาลไทย” จะได้ข้อยุติ จนสามารถออกมาเป็น “มติ” ให้ตัดไฟฟ้า น้ำมันและสัญญาณอินเตอร์เนต ที่ส่งขายจากไทยไปยัง5 จุดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ดีเดย์เมื่อวันที่ 5 ก.พ.68 เวลา 9 โมงเช้าที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหา “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” ปัญหากลุ่มค้ายาเสพติด ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก นั้น มีความเคลื่อนไหวและถูกจับตา กลายเป็นข้อสังเกตต่อมาว่า ทางการจีน ได้เปิดเกมรุก แม้ไม่ใช้ท่าทีแข็งกร้าว แต่กลับเด็ดขาด
เมื่อจีนส่ง “บิ๊ก” ในรัฐบาลเข้ามาในประเทศไทย เพื่อประสานความร่วมมือในการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่หลอกลวงทั้งคนจีน คนไทย สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ เกิดปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ มาอย่างต่อเนื่อง
และบิ๊กในรัฐบาลที่ทางการจีนส่งมาครั้งนี้ คือ “หลิว จงอี้” ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่เดินทางมาเยือนไทย ตั้งแต่ปลาย ม.ค.68 ที่ผ่านมา อีกทั้งในระหว่างที่หลิว จงอี้ อยู่ในประเทศไทย ได้ดำเนินบทบาท มีความเคลื่อนไหวที่อยู่ในความสนใจของสื่ออย่างต่อเนื่อง
ทั้งเมื่อวันที่ 29 ม.ค.68 หลิว จงอี้ และคณะลงพื้นที่สำรวจชายแดนฝั่งไทย โดยไปดูจุดที่มองเห็นเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นเมืองสแกมเมอร์ และเป็นแหล่งอาชญากรรมคอลเซ็นเตอร์ ต่อมาวันที่ 1 ก.พ.หลิว จงอี้ ลงพื้นที่อีกครั้ง ไปยังชายแดนไทย-สปป.ลาว และไทย-เมียนมา ด้าน จ.เชียงราย
นอกจากนี้เขายังเข้าพบรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ในรัฐบาลไทย ทั้ง “พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง” รมว.ยุติธรรม และ “บิ๊กอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.กลาโหม โดยมีการพูดคุยเป็นส่วนตัว ก่อนที่ในค่ำวันเดียวกัน รัฐบาลไทยโดยสมช. จะมีมติให้ตัดไฟฟ้า อินเตอร์เนตและน้ำมัน จากฝั่งไทย ไปยังเมียวดีด้วยกัน 5 จุด
ทั้งนี้ หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รายนี้ ยังได้รับความสนใจ จากสื่อนอกเหนือไปจาก “ภารกิจ” ที่มาไทยเพื่อร่วมกันจัดการกับ “กลุ่มจีนเทา” ที่อยู่ในเมียนมา แล้ว ประวัติ ของหลิว จงอี้ ยังไม่ธรรมดา มีสื่อบางสำนักรายงานว่า หลิว จงอี้ ไม่ใช่นักการเมืองทั่วไป แต่มาจากอดีตนายตำรวจมือปราบอันดับต้นๆของจีนเลยทีเดียว ทิ่สี จิ้นผิง ส่งมากดดันรัฐบาลไทย