คุยเฟื่องเรื่องต่างประเทศ / ดร.วิวัฒน์   เศรษฐช่วย

แทบไม่น่าเชื่อหลังจากที่ “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ก้าวเข้าสู่ทำเนียบขาวในสมัยที่สองได้แค่เพียงสามสัปดาห์เท่านั้น แต่กลับปรากฏว่า เขาดำริในนโยบายต่างๆทั้งแบบที่ไม่เป็นมิตร และทั้งแบบพันธมิตรเก่าแก่

โดยนโยบายล่าสุดเมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ประธานาธิบดีทรัมป์ ได้ออกมาป่าวประกาศว่า จะขึ้นภาษีทั้งต่อประเทศคู่ค้าที่เป็นพันธมิตรทางการค้ามาอย่างยาวนาน!!!

นับตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นไป ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดฉากด้วยการขึ้นภาษีศุลกากร 25% ต่อแคนาดา เม็กซิโก และจีน 10% ทั้งๆที่ชาวอเมริกันถึง 51% ไม่เห็นด้วย

เท่ากับว่าขณะนี้ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดฉากสงครามทางด้านเศรษฐกิจด้วยการใช้ภาษีศุลกากรเป็นอาวุธ แทนการใช้กองกำลังทหาร

ทั้งนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ออกมาป่าวประกาศการขึ้นภาษีแบบไม่เลือกหน้าอินทร์หน้าพรหมว่าจะเป็นชาติไหน โดยเริ่มประกาศขึ้นภาษีต่อพันธมิตรเก่าแก่ผู้ใกล้ชิดเยี่ยงแคนาดา และเม็กซิโก ก่อนชาติอื่นๆถึง 25%

เมื่อวิเคราะห์กันแล้วดูประหนึ่งว่าประธานาธิบดีทรัมป์มิได้ใช้หลักการทูตในการเจรจา แต่กลับใช้ไม้แข็งกระหน่ำตีเข้าแสกหน้าเพื่อนเก่าเพื่อนแก่!!!

และในวันเดียวกันนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ก็ยังประกาศขึ้นภาษีศุลกากรสินค้าที่นำเข้ามาจากประเทศจีน 10% อีกด้วย

แน่นอนว่าผลกระทบจะต้องเกิดขึ้นในทันทีต่อผู้บริโภคชาวอเมริกันที่จะต้องแบกรับภาระ แถมทำให้ดัชนีในตลาดหลักทรัพย์ S&P ตกถึง 500 จุด อีกทั้งสภาวะเงินเฟ้อก็อาจจะเกิดขึ้นอย่างที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตามเมื่อถูกโจมตีทางด้านการค้าอย่างหนัก “นายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด” แห่งแคนาดา ก็มิได้รอช้านิ่งเฉย เขาได้ออกมาประกาศตอบโต้เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ว่า แคนาดาก็จะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าที่มาจากสหรัฐฯ 25% โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ในวันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2025 เป็นต้นไปเช่นกัน

ที่ผ่านๆมาแคนาดาเคยเป็นพันธมิตรคู่ค้าเก่าแก่อันดีของสหรัฐฯมาโดยตลอด ที่ทั้งสองประเทศมีพรมแดนอาณาเขตติดต่อกันยาวที่สุดในโลกกว่า 9,000 กิโลเมตร แต่ดูเหมือนว่าความเป็นมิตรอันดีกำลังจะเปลี่ยนไปในทางตกต่ำ

นับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 เป็นต้นมา การค้าสุราระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯในแถบอเมริกาเหนือแทบไม่มีภาษีศุลกากรเลย จนมีผลทำให้การค้าของทั้งสองประเทศมีอัตราเพิ่มขึ้นถึง 147%  

แต่ดูเหมือนว่ายังเทียบไม่ได้กับการค้าที่สหรัฐฯมีต่อเม็กซิโก เพราะมีอัตราพุ่งสูงถึง 4,080% เลยทีเดียว

การออกมาป่าวประกาศเพิ่มภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีทรัมป์ในครั้งนี้  “สมาคมการค้าอุตสาหกรรม American Fuel & Petrochemical Manufacturers” ได้ออกแถลงการณ์ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2025 ว่า ต้นทุนการนำเข้าน้ำมันดิบจากแคนาดาและเม็กซิโก รวมไปถึงผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานอื่นๆที่นำเข้าจากแคนาดาอาจจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคชาวอเมริกันที่จะต้องควักกระเป๋าจ่ายค่าพลังงานต่างๆสูงมากขึ้น

ส่วน“ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาวม์” แห่งเม็กซิโก ก็ได้ออกมาตอบโต้สหรัฐฯว่า เม็กซิโกก็จะเรียกขึ้นภาษีจากสินค้าทั้งหมดที่ส่งออกไปยังสหรัฐฯ25% ด้วยเช่นกัน แต่เธอได้กล่าวแบบต้องการประนีประนอมในทำนองที่ว่า เม็กซิโกต้องการที่จะเจรจากับสหรัฐฯที่เป็นพันธมิตรอันดีด้านการค้า แทนที่จะเผชิญหน้ากัน

ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาวม์ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า สหรัฐฯและเม็กซิโก ถือเป็นกากี่นั้งเพื่อนบ้านที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนานหลายศตวรรษ การค้าระหว่างสองประเทศก็มีความเจริญเติบโต รวมไปถึง อุตสาหกรรมด้านรถยนต์ น้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ และ เชื้อเพลงยานยนต์ทั้งสองประเทศต่างก็พึ่งพาอาศัยกัน

 นอกเหนือจากนั้นสินค้าทางด้านการเกษตรของเม็กซิโก ก็ส่งไปยังสหรัฐอเมริกามากถึง 60% เมื่อมองในภาพรวมแล้วประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาวม์ ถือว่า สหรัฐฯเป็นตลาดต่างประเทศที่สำคัญที่สุด และเมื่อปี 2024 เม็กซิโกสามารถทำการค้ากับสหรัฐฯแซงขึ้นหน้าจีนไปเรียบร้อยแล้ว

คราวนี้เราลองหันไปดูคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ ในสมัยที่สองกันบ้าง

จากผลการหยั่งเสียงของโพลต่างๆถึง 11 สำนักปรากฏผลออกมาว่า คะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ มีเพิ่มสูงขึ้นกว่าสมัยแรกถึง 10%

และจากผลการหยั่งเสียงของ “มหาวิทยาลัย Quinnipiac”ซึ่งเป็นสำนักโพลที่ได้รับความน่าเชื่อถือเป็นอย่างสูงปรากฏออกมาว่า เพียงหนึ่งสัปดาห์แรก หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์เข้ารับตำแหน่งในสมัยสองชาวอเมริกันมีความชื่นชมร้อยละ 46% แต่ก็มี 43% ที่ไม่เห็นชอบด้วย

สำนักโพลแห่งนี้ยังเปิดเผยต่อไปว่า จากการหยั่งเสียงเมื่อวันที่ 26 มกราคม ปีค.ศ. 2017 ครั้งครานั้นชาวอเมริกันมีความพีงพอใจประธานาธิบดีทรัมป์เพียงแค่ 36%

อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบในช่วงเดียวกัน ดูเหมือนว่าคะแนนนิยมของประธานาธิบดีทรัมป์ จะมีต่ำกว่าอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯทุกๆคน ยกตัวอย่างอาทิเช่น คะแนนนิยมของ “ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ.เคนเนดี” เคยได้รับคะแนนสูงถึง 72% , คะแนนนิยมของ “ประธานาธิบดีบารัก โอบามา” มีอยู่ที่ 68%, คะแนนนิยมของ “ประธานาธิบดีจิมมี คาร์เตอร์”ได้รับ 66% และ “ประธานาธิบดีโจ ไบเดน”ก็ได้รับอยู่ที่ 57%

อย่างไรก็ตามเมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2025 ที่เพิ่งผ่านมา “หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์”ได้รายงานออกมาว่า หลังจากที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้เจรจาพูดคุยทางโทรศัพท์กับประธานาธิบดีทรูโด แล้วเขาก็ประกาศเลื่อนการขึ้นภาษีขาเข้าไปอีกสามสิบวัน ทำนองเดียวกันกับเม็กซิโก!!!

กล่าวโดยสรุปทั้งนี้และทั้งนั้นการก้าวเข้ามารับตำแหน่งในสมัยที่สองของ“ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์”ที่เขาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์มาในมาดใหม่ที่มีทั้งความรวดเร็ว มีทั้งความเหี้ยมหาญและดุดันแบบไม่เกรงใจใคร แต่ดูเหมือนว่ามาดใหม่ของเขาทำแบบมุทะลุไม่ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ จนมีผลทำให้ความสัมพันธ์อันดีกับเพื่อนบ้านพันธมิตรเก่าแก่ต้องบาดหมางสั่นคลอนไม่เหมือนเก่าละครับ