ปากกาขนนก / สกุล บุณยทัต

“ชีวิตของคนเรา..แท้จริงแล้วต้องเผชิญหน้ากับความทุกข์และความสุข..อยู่ตลอดเวลาในชีวิต..เป็นอารมณ์ความรู้สึกหลักที่ไม่มีใครเลี่ยงพ้น..แต่หลายๆคนกลับดูเหมือนว่าจะไม่เน้นรับหรือจดจำกับความสุข..แต่กลับไปจมปลักอยู่กับความเศร้า..เหมือนจะติดยึดอยู่กับฤดูกาลอันหมองมัวต่อจิตใจเช่นนั้นอยู่เสมอ..สร้างฤดูกาลของความโศกเศร้าขึ้นมาเพื่อโบยตีตัวเองให้บาดเจ็บ เป็นบาดแผลแห่งชะตากรรมที่จะจารึกติดแน่นอยู่กับจิตวิญญาณตลอดไป..นั่นคือความอ่อนแอและเข้าใจเป็นลบ โดยเป็นเหมือนการหมิ่นแคลนตัวเองอย่างเจ็บช้ำ..

ทั้งๆที่เราทุกคนสามารถจดจำและเรียนรู้ได้ว่า.. “ฤดูกาลของความเศร้า..จะไม่อยู่กับเราตลอดไป..หากเราเพียงแต่รับรู้ถึงว่า .. “จุดเริ่มต้นของเราคือ.. “ตอนนี้”....โดยต่อให้ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีพอ...ก็ใช่ว่ามันจะจบสิ้นลงโดยทันใด..”

สาระใจความอันชวนหยั่งคิดนี้..คือนัยแห่งหนังสือชวนติดตามเล่มใหม่ของ “คึลแบอู” (Qeulbaewoo)..ผู้เคยโด่งดังจาก..หนังสือ “เราจะโด่งดังทุกครั้งหลังฝนตก”..หนังสือขายดี..ที่ทำให้ผู้อ่านได้ทบทวนตัวเอง ปลอบโยนตัวเอง มั่นใจในสิ่งที่ตัวเองถนัด และพยายามทำสิ่งนั้นให้ได้ ตามแนวทางที่เหมาะแก่ตัวเอง..

“ฤดูกาลของความเศร้า จะไม่อยู่กับเราตลอดไป”..คือ..หนังสือแห่งคุณค่าที่ขายดีเล่มใหม่ของเขา..เป็นหนังสือ..ที่ปลูกสร้างพลังบวกแห่งความกล้าและกำลังใจ...จากผู้พบเจอกับความผิดหวัง และ เหน็ดเหนื่อยกับชีวิต  จนรู้สึกท้อแท้และอ่อนแอ..รวมถึงการแนะนำที่จะทำให้เรานำความเชื่อมั่นของตนเองกลับคืนมา..

“เมื่อปัญหาอันหลากหลายที่ยากเย็นในตอนนี้ ผ่านพ้นไป..ช่วงเวลาสดใสก็จะมาเยี่ยมเยือนชีวิตเราอีกครั้ง..” ..นี่คือหนังสือขายดี(BEST SELLER)..ที่ขายได้มากกว่า..สองแสนแปดหมื่นเล่ม..ในเกาหลีใต้..! “คึลแบอู” ได้เน้นให้ตระหนักถึงว่า..การไล่ตามความฝันแม้ต้องพบกับความล้มเหลว ผิดหวังอยู่บ่อยครั้ง..แต่ขณะเดียวกัน ก็ย่อมมีช่วงเวลาดีๆแทรกอยู่..และเมื่อลำดับร้อยเรียง ทุกความล้มเหลวเข้าด้วยกันแล้ว..

ท้ายที่สุด..เราก็จะเป็นคนที่ใกล้เคียงกับคนที่เราอยากเป็น..นี่คือภาพความคิดและพลังใจ จากผู้ที่พบเจอกับความหวัง..โดยแท้.. “ไม่ว่าใคร..ย่อมต้องพบเจอกับช่วงเวลาที่เหน็ดเหนื่อย..หรือหลงทาง โปรดอย่าตำหนิตัวเอง ที่กำลังรู้สึกแบบนั้น ...เนื่องเพราะ..นั่นไม่ใช่ความผิดของเรา”..

และแท้ที่จริง..สิ่งสำคัญของคนเราทุกคน..คือการ “ใช้ชีวิตให้เป็น” อิสระตามใจ...โดยไม่ล้ำเส้น..จนทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน... ! มีทรรศนะความคิดที่..ชวนหยั่งเห็นข้อตระหนักแห่งชีวิตในหนังสือเล่มนี้มากมาย..ที่ “คึลแบอู” ได้อธิบายความและตีความไว้ ซึ่งล้วนแล้วแต่น่าสนใจต่อการพิเคราะห์อย่างยิ่ง..

“หัวใจจะว่างเปล่าเดียวดาย..เมื่อพยายามเป็นที่รักของคนอื่น”

นั่นแสดงถึงการใส่ใจในความรู้สึกแห่งใจของตนเอง ที่ไม่สมควรจะไปทุ่มเทแก่ผู้อื่นอย่างหลงใหลแบบไม่เห็นค่าของตนเอง..การหวังได้ความรักจากใครก็ตาม..ที่เป็นคนอื่น ..ย่อมเกิดความหมายเชิงการแลกเปลี่ยนเสมอ..ภายใต้เงื่อนไขในโลกเฉพาะตัว  หลายครั้งมันคือนัยเชิงปัจเจก ที่สร้างความเห็นแก่ตัวให้เกิดขึ้น เป็นการทำลายสัมพันธภาพที่ดี..มันจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องเรียนรู้ สังเกตการณ์ และ พึงต้องระวัง..เช่นเดียวกับว่า..

หากชีวิตต้องประสบกับความล้มเหลว..เราก็ต้องระวังที่จะไม่ยอมให้ชีวิตต้องล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิงไปเสียทั้งหมด..ทุกสิ่งมีโอกาสใหม่..ของชีวิตที่จะก่ออุบัติการณ์ดีๆขึ้นอีกได้เสมอ..ตราบใดที่จิตวิญญาณยังไม่เสื่อมสลายและสยบยอมต่อความพ่ายแพ้อย่างง่ายๆ..

“ความล้มเหลวเพียงหนึ่งครั้ง..หรือการกระทำที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว..ไม่ได้หมายถึงว่า..มันจะทำให้ชีวิตของเราต้องพังพินาศ”  นัยความคิด..ดังกล่าวสืบต่อปัจจัยแห่งการดำรงอยู่ของชีวิตด้วยสัมผัสรู้แห่งความเข้าใจ..เป็นประสบการณ์แห่งการสัมผัสรู้จากการกระทำ..อันจำกัดด้วยเงื่อนไขแห่งวารเวลาของชีวิต..

“แม้ชีวิตมีเพียงครั้งเดียว..แต่ก็ขอให้ได้เจอกับความสุข..ในหลายๆครั้งจนนับไม่ถ้วน” ..ความหวังของชีวิตที่แท้จริงสมควรที่จะต้องเป็นแบบนี้..เป็นในสิ่งที่เคลือบไว้ด้วยความวาดหวังอันตื่นตระการ..เหลือเชื่อ..แต่ให้ความแนบเนาที่อบอุ่นต่อการดำรงอยู่เสมอ ..!

ยิ่งกว่านั้น..การค้นพบความหมายของการมีชีวิตในลักษณะต่างๆที่ปรากฏอยู่ในกระบวนความคิดของ “คึลแบอู”..ทำให้ส่วนขยายของชีวิต..มีทิศทางที่แม่นตรงขึ้นนับจากจุดเริ่มต้น..ที่ต้องใคร่ครวญให้ดีก่อนที่จะก้าวย่างต่อไปสู่วังวนอันสลับซับซ้อนแห่งเงื่อนไขของชีวิต..

“จุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเราคือตอนนี้..ต่อให้ไม่เห็นผลลัพธ์ที่ดีพอ..แต่ก็ใช่ว่าชีวิตจะจบสิ้นลง เพียงแต่ขอให้เราสานต่อจากจุดเริ่มต้นเรื่อยไป”..นั่นเป็นแบบอย่างของชีวิตที่จะก้าวไปเบื้องหน้าอย่างเข้าใจและไม่ซวดเซ..เป็นวิถีแห่งความพยายามที่จะสร้างสรรค์คุณค่าให้แก่ตัวตน ..เพื่อการเติบโตที่มั่นคงต่อๆไป..

“หากสิ่งใดก็ตามที่เราได้มา ไม่ได้เกิดจากความพยายามของตัวเอง..ชีวิตของเราก็อาจไม่ได้เติบโต..อย่างแท้จริง.. ชีวิตของคนเราทุกคนไม่ได้สมบูรณ์แบบไปเสียหมด..เหตุนี้ ..สายทางของการเติบโตในชีวิตจึงต้องพบกับอุปสรรคที่สาดต้องอยู่เนืองๆ..เป็นรอยแผลที่จักต้องคอยสมานและเยียวยาอย่างระมัดระวัง..

“แม้ไม่สมบูรณ์แบบ..และ เต็มไปด้วยบาดแผล..แต่ก็จะขอใช้ชีวิตต่อไป..โดยไม่ลืมวันเวลาที่หาญกล้า..เพื่อที่จะได้มีพลังใจ..สานฝันให้เป็นจริง..”

สุดท้าย..ข้อคิดที่ได้จากหนังสือเล่มนี้..คือข้อประจักษ์อันส่งผลต่อการใช้ชีวิตที่รัดกุม..ส่องสะท้อนความจริงอันเป็นอิสระ..และเสริมส่งความเข้าใจทางใจอย่างมีน้ำหนัก..มันคือกลไกของการดำรงอยู่ด้วยความรับผิดชอบ ที่มีความสว่างไสวของการรับรู้ในรู้สึกเป็นดวงตา..!

“..สิ่งที่เราชอบ ย่อมตามมาด้วยความรับผิดชอบ..เราตัดสินใจเลือกได้เสมอว่า..จะทำในสิ่งที่ชอบหรือชัง”..หากแม้ว่า..แต่ละชีวิตจะเคยล้มเหลวมาอย่างมากมายเพียงใด..แต่ถ้าเราร้อยเรียงความล้มเหลวเข้าด้วยกัน..สุดท้าย..เราจะกลายเป็นคนที่ใกล้เคียงกับคนที่เราอยากจะเป็น..

“ฤดูกาลของความเศร้า จะไม่อยู่กับเราตลอดไป”..จึ่งเป็นหนังสือที่เหมาะสมต่อการอ่านเพื่อให้ได้รับปัญญาแห่งการใช้ชีวิต..เราจะใช้ชีวิตอย่างไรไม่สำคัญ ขอให้อยู่ในวิจารณญาณของความเป็นอิสระ..ความรับผิดชอบนานา..ก็จะก่อตัวขึ้นอย่างมีคุณประโยชน์  โดยไม่มีผลกระทบที่ไม่ดีไม่งามต่อผู้ใดหรือสิ่งใด..!

“ตรองสิริ ทองคำใส” ผู้เชี่ยวชาญในการแปลวรรณกรรมเกาหลี..แปลหนังสือเล่มนี้ออกมาอย่างรื่นรมย์ ทั้งด้วยความใส่ใจและเข้าใจ..

นับแต่ .. “แล้วมันจะผ่านไป..ไม่ต่างอะไรกับฤดูกาล”..มาถึงวาระแห่งความเป็น “ฤดูกาล” ในเรื่องนี้..ปรากฏการณ์แห่งความงามและความหมายคือสีสันล้ำลึก..ที่อุดมไปด้วยภาษาสื่อสารที่ติดตรึงและยากจะลืมเลือน..! ว่ากันว่า..จริงๆแล้วชีวิตเราก็คล้ายกับธรรมชาติ..ที่ต้องปรับตัวตามฤดูกาล..

บางเวลา..อาจต้องอดทนกับความเย็นยะเยือก..บางเวลาอาจต้องเอนไหวไปกับแรงลม แต่ทั้งนี้..มันก็ย่อมมีเวลาที่เราได้รับแสงแดดและผลิบานอย่างเต็มที่..ขอเพียงตัวเราหยั่งรากลึก ในที่ที่เป็นของเรา..วันเหล่านั้น ย่อมเวียนมาถึงอย่างแน่นอน..

“ระหว่างเส้นทางที่เราต้องก้าวเดิน อาจมีวันที่ไม่เป็นใจ..อาจเผชิญกับฤดูที่ทำให้..หวั่นไหว..แต่มันก็จะไม่อยู่กับเรา..ตลอดไป !...”