บกปภ.ช. ยังคงเคาะประตูบ้าน “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” ต่อเนื่อง บังคับใช้กฎหมายควบคุมการเผาและเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น - จุดความร้อนในพื้นที่อย่างใกล้ชิด 

วันที่ 5 ก.พ.68 ณ ห้องกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) อาคาร 3 ชั้น 5 กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจัดประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) โดยมีผู้บริหาร ปภ. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมฯ ยังคงรณรงค์เคาะประตูบ้าน “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” อย่างต่อเนื่อง พร้อมบังคับใช้กฎหมายควบคุมการเผาอย่างเข้มงวดทุกพื้นที่ ตลอดจนติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่น ในช่วงวันที่ 6-8 ก.พ. 68 อย่างใกล้ชิด และติดตามต้นตอของการเกิดจุดความร้อนในพื้นที่ เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาและลดผลกระทบของฝุ่นละอองที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด

นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากการติดตามสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พบว่า ในวันนี้สถานการณ์ฝุ่นภาพรวมของประเทศมีทิศทางที่ดีขึ้น ตามค่าเฉลี่ยฝุ่น 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง หลายพื้นที่ม่ค่าฝุ่นอยู่ในค่ามาตรฐาน จะมีบางพื้นที่ที่มีค่าฝุ่นเริ่มมีผลต่อสุขภาพ แต่ในภาพรวมถือว่าสภาพอากาศดีขึ้น ส่วนพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือตอนบน ค่าเฉลี่ยของฝุ่นอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง ในพื้นที่ส่วนใหญ่ที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ ได้แก่ จังหวัดลำปาง อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย สำหรับแนวโน้มสถานการณ์ในห้วงถัดไปคาดการณ์ว่า ในช่วงวันที่ 6 - 8 กุมภาพันธ์ 2568 จะมีลมตะวันออกและลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามา ทำให้สถานการณ์ฝุ่นในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้น แต่ในห้วงวันที่ 9 - 10 กุมภาพันธ์ 2568 สถานการณ์ฝุ่นจะดีขึ้น แต่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากสภาพอากาศในห้วงนี้ กระแสลมมีการผกผัน เนื่องจากเป็นห้วงของการเปลี่ยนผ่านของช่วงฤดูกาล ก่อนที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ฤดูร้อน สำหรับค่าจุดความร้อนภาพรวมของประเทศ (Hotspot) ในวันนี้ มีค่าจุดความร้อนลดลง เมื่อเทียบจากปีที่ผ่านมา จุดความร้อนที่ตรวจพบสูงสุดอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันตกของประเทศ ได้แก่ จังหวัดตาก และกาญจนบุรี พื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ จังหวัดนครราชสีมา และพื้นที่ภาคกลาง ได้แก่ จังหวัดเพชรบุรี และลพบุรี

“วันนี้เป็นวันที่สาม ของการรณรงค์ “หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” และมีจังหวัดที่มีการประกาศห้ามเผาเพิ่มมากขึ้น รวม 50 จังหวัด (ข้อมูลวันที่ 4 ก.พ. 68) ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงาน ทั้งส่วนกลางและ ส่วนภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการร่วมมือร่วมใจในการขับเคลื่อนการดำเนินงานของทุกจังหวัด โดยทุกจังหวัดมีการทำงานอย่างเข้มแข็ง ทั้งด้านการรณรงค์ หยุดเผา หยุดฝุ่น เพื่อคุณ เพื่อเรา” อย่างต่อเนื่อง และการบังคับใช้กฎหมายควบคุมการเผาอย่างเข้มงวด จริงจังทุกพื้นที่ ตลอดจนรณรงค์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการงดเผา ทั้งนาข้าว อ้อย วัชพืช พื้นที่เกษตร เศษขยะ พร้อมประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทางในพื้นที่ อาทิ หอกระจายข่าว รถกระจายเสียง วิทยุชุมชน เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงโทษที่จะได้รับและเห็นถึงความสำคัญของการห้ามเผา อย่างไรก็ตาม จากการคาดการณ์สภาพอากาศ ในช่วงวันที่ 6 – 8 กุมภาพันธ์ 2568 พบว่า สถานการณ์ฝุ่นในช่วงนี้จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นที่จะต้องติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์ฝุ่นอย่างใกล้ชิด พร้อมดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่น 6 ข้อ อย่างเข้มข้น เพื่อลดผลกระทบของฝุ่นละอองที่มีผลต่อสุขภาพของประชาชนให้เกิดขึ้นน้อยที่สุด” นายภาสกร อธิบดี ปภ. กล่าว

ด้านนายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการติดตามสถานการณ์จุดความร้อนภาพรวมของประเทศ (Hotspot) โดยสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA พบว่า มีบางพื้นที่โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ ส.ป.ก. มีค่าจุดความร้อนเกิดขึ้นจำนวนหนึ่ง จึงประสานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยสำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด ลงพื้นที่ตรวจสอบพื้นที่การเกษตรและพื้นที่ ส.ป.ก. ดังกล่าว เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของการเกิดค่าจุดความร้อนขึ้น และหาแนวทางการแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมกับพื้นที่ต่อไป ตลอดจนขอให้จังหวัดรายงานสถิติข้อมูลและผลการดำเนินงานมายัง บกปภ.ช. เพื่อที่จะได้นำข้อมูลและผลการดำเนินงานมาวางแผนและกำหนดแนวทางในการขยายผลการป้องกันและแก้ไขปัญหาเพิ่มเติมที่เหมาะสมกับสถานการณ์และเห็นผลเป็นรูปธรรมต่อไป

ในส่วนของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ดำเนินการตามมาตรการลดฝุ่น 6 ข้อ และข้อสั่งการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด รวมถึงเตรียมพร้อมสรรพกำลัง เจ้าหน้าที่ และเครื่องจักรกลสาธารณภัย สนับสนุนจังหวัด  ที่มีสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่น PM 2.5 ในการควบคุมสถานการณ์ แก้ไขปัญหา และบรรเทาผลกระทบที่มีต่อประชาชน ซึ่งปัจจุบันกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ร่วมกับกองทัพบก (ทบ.) ได้ส่งเฮลิคอปเตอร์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย KA-32 ไปประจำการ ณ ฐานปฏิบัติการกองพลทหารราบที่ 7 จังหวัดเชียงใหม่ จำนวน 1 ลำ เพื่อสนับสนุนปฏิบัติการดับไฟป่าในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ 

ทั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะติดตามสถานการณ์และรายงานข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสถานการณ์  ฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ให้ประชาชนทราบเป็นระยะ ทาง Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ X @DDPMNews หากประชาชนต้องการแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือ สามารถแจ้งเรื่องได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 หรือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” @1784DDPM ได้ตลอด 24 ชั่วโมง"