เริ่มแล้ว งานบุญใหญ่อีสาน นมัสการธาตุพนม ไทย - ลาว นับหมื่น ร่วมแห่อุปคุต

เริ่มแล้ว งานบุญใหญ่อีสาน บุญเดือนสาม นมัสการองค์พระธาตุพนมวันแรก สายบุญ สายศรัทธา นับหมื่น ร่วมสืบสานประเพณีศักดิ์สิทธิ์ โบราณ แห่พระอุปคุต เพื่อปกปักรักษา คุ้มภัย ประชาชน นักท่องเที่ยว คาดคึกคักแห่ท่องเที่ยวทำบุญทุกปี กระตุ้นเศรษกิจการท่องเที่ยว เงินสะพัดกว่า 100 ล้านบาท

 

เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ที่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงในเขตเทศบาลตำบลธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม มีประชาชน นักท่องเที่ยว สายบุญ สายศรัทธา ต่างเดินทางมาร่วมพิธี ศักดิ์สิทธิ์โบราณ   แห่พระอุปคุต ตามประเพณีความ เชื่อ พร้อมประกอบพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ก่อนที่จะอัญเชิญพระอุปคุต ที่จำลองว่าประดิษฐานอยู่ใต้น้ำโขง และอัญเชิญขึ้นมา ตามประเพณีความเชื่อ สืบทอดมาแต่โบราณ สมัยพระเจ้าอโศกมหาราช เนื่องจากพระอุปคุตเป็นสาวกพระพุทธเจ้า และมีความศักดิ์สิทธิ์ มีอิทธิฤทธิ์ ที่สามารถคุมครองภัยปกปักษ์รักษางานประเพณีต่างๆ ได้ ปกติจะเจริญภาวนา ใต้มหาสมุทร จึงมีการจำลองอัญเชิญขึ้นจากน้ำโขง

ปีนี้ มีนายประชา มณีสร้อย  นายอำเภอธาตุพนม  เป็นผู้ดำน้ำอัญเชิญ ขึ้นจากน้ำโขง เพื่อจัดขบวนแห่ ไปประดิษฐาน ที่วัดพระธาตุพนม วรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม  ตลอดเส้นทางขบวนแห่ระยะทาง ประมาณ 1 กิโลเมตร เนื่องแน่นไปด้วยพลังศรัทธา นำดอกไม้ธูปเทียน มาสาธุบุญ พร้อมโปรยข้าวตอกดอดไม้ เพื่อเป็นสิริมงคล และขอพรให้ปกปักรักษา คุ้มภัย ประชาชน นักท่องเที่ยว ขอพรให้งานจัดงานราบรื่น ถือเป็นงานบุญใหญ่อีสาน ปีนี้ จัดขึ้น ระหว่าง 5 -13 กุมภาพันธ์ 2568 รวม 9 วัน 9 คืน ทุกปี มีประชาชน นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย ชาวลาว นับแสนคน เข้ามาท่องเที่ยวทำบุญ เงินสะพัดปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท

 สำหรับพิธีแห่อุปคุต จะประกอบขึ้นในช่วงเช้า ก่อนการเปิดงานวันแรก ของงานนมัสการองค์พระธาตุพนม สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง อายุเก่าแก่กว่า 2,500 ปี ภายในบรรจุพระอุรังคธาตุหรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า จัดขึ้นในช่วง วันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงวัน วันแรม 1 ค่ำเดือน 3 ถือเป็นงานบุญประเพณีใหญ่ของชาวอีสาน ที่สืบสอดกันมายาวนาน ตั้งแต่ ปี 2519 ยาวนานกว่า 40 ปี โดยจากประวัติความเป็นมา ตามตำนานความเชื่อ พระอุรังคนิทาน ระบุไว้ว่า สมัยหนึ่งในปัจฉิมโพธิกาล พระพุทธเจ้า พร้อมพระอานนท์ ได้เสด็จมาทางอากาศ เพื่อไปบิณฑบาต ที่เมืองศรีโคตรบูร สปป.ลาว ภายหลังได้มาประทับแรมที่ภูกำพร้า คือ จุดที่ก่อสร้างองค์พระธาตุพนมในปัจจุบัน จากนั้นพญาอินทร์ ได้เสด็จมาทูลถาม ซึ่งพระพุทธองค์ได้ตรัสว่า เป็นประเพณีของพระพุทธเจ้า 3 พระองค์ ในภัททกัลป์ที่นิพพานไปแล้ว บรรดาสาวกจะนำพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้ที่ภูกำพร้า เช่นกันกับพระพุทธองค์ เมื่อนิพพานแล้ว พระมหากัสสะปะ ผู้เป็นสาวก จะได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมาบรรจุไว้เช่นกัน

ภายหลัง พระพุทธเจ้าปรินิพาน พระมหากัสสะปะ ผู้เป็นสาวก ได้ร่วมกัน สร้างองค์พระธาตุพนมขึ้น เพี่ออัญเชิญพระอุรังคธาตุ มาประดิษฐาน ประมาณพุทธศตวรรษที่ 12 -14 หรือในราวปี พ.ศ.8 สมัยอาณาจักรศรีโคตรบูร กำลังเจริญรุ่งเรือง โดยการนำของพญาเจ้าเมืองทั้ง 5 และพระอรหันต์ 500 องค์ ซึ่งในยุคแรก ได้ก่อสร้างจากดินดิบ เป็นเตาสี่เหลี่ยม ข้างในเป็นโพรงมีประตูทั้ง 4 ด้าน จากนั้นได้มีการบูรณะ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.500 และทำการบูรณะต่อเนื่องมา รวมถึง 6 ครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2518 พระธาตุพนมได้พังทลายลง เนื่องจากฐานเก่าแก่ ทำให้เป็นที่ฮือฮา เพราะได้พบเห็นผอบแก้ว บรรจุพระอุรังคธาตุ 8 องค์ ไว้ภายใน และมีการลงเข็มรากสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่ เมื่อปี 2519 เป็นเจดีย์ทรงฐาน 4 เหลี่ยม ความสูง จากพื้นถึงยอดฉัตร 57 เมตร ฐานกว้างด้านละ ประมาณ 12 เมตร ยอดฉัตรเป็นทองคำน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ภายในได้บรรจุพระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอก ของ พระพุทธเจ้า จากนั้น จึงได้มีการจัดพิธีเฉลิมฉลอง บูชาองค์พระธาตุพนม จนสืบทอดมาถึงถึงปัจจุบันทุกปี