วันที่ 5 ก.พ.68 พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติในส่วนของ สตม. ตามมาตรการแก้ไขปัญหาคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และคนต่างด้าวตั้งกลุ่มแก๊งกระทำความผิดหรือประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย และอาชญากรรมข้ามชาติ ตามข้อสั่งการของ ผบ.ตร. ว่า ได้สั่งการให้หน่วยในสังกัดดำเนินการตามสั่งการของ ผบ.ตร. โดยกำหนดมาตรการในการดำเนินการ 3 มาตรการ ดังนี้
1.มาตรการในการคัดกรองคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยาน และด่านตรวจคนเข้าเมืองตามแนวชายแดน คัดกรองคนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง, คัดกรองบุคคลต้องห้ามที่ถูกบันทึกไว้ในระบบสารสนเทศตรวจคนเข้าเมือง, Red Notice ของตำรวจสากล และคัดกรองบุคคลเพื่อหาข้อบ่งชี้ว่าอาจตกเป็นผู้เสียหายการค้ามนุษย์ตามกลไก NRM โดยกำหนดแนวทางการปฏิบัติเป็นมาตรฐาน หรือ SOP เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสามารถใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และส่งข้อมูลบุคคลให้เจ้าหน้าที่สืบสวนเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลดำเนินการต่อไป โดยตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.2568 ถึงปัจจุบัน ได้ปฏิเสธการเดินทางเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 2,339 ราย (เมียนมา 933 ราย, ลาว 625 ราย, จีน 298 ราย, อินเดีย 110 ราย, กัมพูชา 61 ราย, เวียดนาม 33 ราย และ อื่น ๆ 279 ราย)
2.มาตรการในการสกัดกั้นคนต่างด้าวที่เดินทาง หรือจะเดินทางไปยังพื้นที่เฝ้าระวังโดยวิเคราะห์จากสถานการณ์ในห้วงเดือนที่ผ่านมา มีคนต่างด้าวถูกหลอกลวงจากแก๊ง Cyber Scamsได้เดินทางเข้ามายังประเทศไทย ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน ลักลอบเดินทางออกตามช่องทางธรรมชาติ โดยเฉพาะในพื้นที่ จว.ตาก ออกไปยังประเทศเมียนมา และต่อมาถูกบังคับใช้แรงงาน อันเป็นรูปแบบหนึ่งของการค้ามนุษย์ จึงให้ทุกหน่วยในสังกัด วางมาตรการในการสกัดกั้นไม่ให้คนต่างด้าวที่อาจตกเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เดินทางเข้าไปยังพื้นที่เฝ้าระวังโดยไม่มีเหตุอันสมควร และให้จัดเก็บข้อมูลบุคคล ยานพาหนะ ส่งให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน โดยตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.2568 ถึงปัจจุบัน มีการประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด จว.ตาก จำนวน 1,161 ราย เปลี่ยนใจเดินทางกลับ 23 ราย (จีน 7 ราย, อินโดนีเซีย 10 ราย, อินเดีย 3 ราย, เวียดนาม 2 ราย และ ไนจีเรีย 1 ราย)
3.มาตรการในการสืบสวนสอบสวนป้องกันเหตุ, การสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีและขยายผลให้ทุกหน่วยจัดทำข้อมูลเครือข่ายการลักลอบคนคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร เครือข่ายขนคนผ่านแดน รวมถึงผู้ช่วยเหลือ สนับสนุน อาทิเช่น กลุ่มเครือข่ายรถรับจ้างสาธารณะ หรือรถขนส่งผิดกฎหมาย ที่อาจเข้าไปเกี่ยวข้อง ช่วยเหลือ หรือสนับสนุนในการลักลอบคนคนต่างด้าวไปยังประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประสานงานกับฝ่ายข่าว หน่วยทหาร ส่วนราชการ และสถานเอกอัครราชทูตประเทศต่าง ๆ ในประเทศไทย เพื่อจัดทำข้อมูลบุคคลเฝ้าระวัง และรวบรวมข้อมูลบุคคล, ยานพาหนะ วิเคราะห์และบันทึกพฤติการณ์ไว้ในระบบเฝ้าดู (Watch List) เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองใช้กำหนดแนวทางในการคัดกรองคนเข้าเมือง
พล.ต.ต.พันธนะ กล่าวว่า การดำเนินการสืบสวนสอบสวนดำเนินคดีและขยายผลกรณีของหญิงชาวเวียดนาม ที่ตรวจคนเข้าเมืองท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้คัดกรองประชาสัมพันธ์ จนทราบว่าตนเองถูกหลอกลวงให้เดินทางมาทำงานในประเทศไทย จึงยกเลิกการเดินทาง ต้องการที่จะเดินทางกลับประเทศเวียดนาม ได้อำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับ และนำข้อมูลที่ได้จากการคัดกรอง สืบสวนขยายผลไปยังชาวเวียดนามที่เดินทางมาพร้อมกัน กลุ่มบุคคลที่มารับ และยานพาหนะ จนสามารถสืบสวนไปพบกลุ่มชาวเวียดนามกลุ่มนี้ ที่มีพฤติการณ์ลักลอบค้ากัญชา โดยตรวจค้นพบกัญชา กว่า 300 กิโลกรัมในบ้านพัก ส่วนกรณีที่ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ได้รับการประสานจาก สำนักงานเลขาธิการด้านความมั่นคง (Office of the Secretary for Security) เขตบริหารพิเศษฮ่องกง ขอให้ความช่วยเหลือชาวจีน-ฮ่องกง 12 ราย ที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา ซึ่งต่อมาเมื่อวันที่ 20 ม.ค.2568 ได้พบตัวชายชาวจีน-ฮ่องกง 1 ราย ที่บริเวณ อ.พบพระ จว.ตาก และเมื่อวันที่ 27 ม.ค.2568 ได้พบตัวหญิงชาวจีน-ฮ่องกง 1 ราย ในประเทศเมียนมา ทั้งคู่ให้ข้อมูลว่าถูกชักชวนจากชาวจีนให้ไปทำงานในประเทศเมียนมา ฝั่งตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก โดยเห็นว่ารายได้ดี จึงหลงเชื่อ แต่กลับถูกพาไปที่ฐานสแกมเมอร์ออนไลน์ในเขตอิทธิพลของกองกำลังกะเหรี่ยง DKBA และถูกบังคับให้เป็นสแกมเมอร์ โดยไม่ได้เงินเดือน จึงพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือญาติ และเจ้าหน้าที่ในฮ่องกง กระทั่งถูกปล่อยตัวกลับมาฝั่งไทย โดยเมื่อวันที่ 2 ก.พ.2568 พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรมาศ รอง ผบช.สอท.รรท.รอง ผบช.สตม. ได้เดินทางไปร่วมกับคณะของ รมว.ยุติธรรม ในการลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เพื่อประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงได้พูดคุยให้กำลังใจหญิงชาวจีน-ฮ่องกง ผู้เสียหายอีกด้วย