วันที่ 5 ก.พ.68 ที่ศาลาว่าการ กทม. รศ.ดร.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึง เหตุผลสำคัญที่กรุงเทพมหานครร่วมกับสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เพื่อจัดงานประชุมวิชาการแพทย์ฉุกเฉินในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับชาติ ครั้งที่ 9 ประจำปี 2568 ว่า เหตุผลแรก เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีความซับซ้อน หลากหลาย และมีการจราจรหนาแน่นในบางช่วงเวลา การตอบสนองทางการแพทย์ฉุกเฉินต้องพัฒนาให้มีความเร็วในการเข้าถึงผู้ป่วย โดยอาศัยเครือข่ายจำนวนมาก ที่ผ่านมายังไม่มีการพูดถึงเงื่อนไขด้านการแพทย์ฉุกเฉินของ กทม.ในวงกว้าง งานประชุมฯ ดังกล่าวจึงเป็นเวทีในการสื่อสารแลกเปลี่ยน สร้างเครือข่าย เพื่อนำมาพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินของ กทม. ซึ่งที่ผ่านมาหลายเรื่องยังทำไม่ได้และยังแก้ไขไม่ได้ โดยเฉพาะการประสานงานกับภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในแต่ละพื้นที่ปฏิบัติการ
ที่ผ่านมา กทม.พยายามนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เช่น รถมอเตอร์แลนซ์ หรือรถมอเตอร์ไซค์พร้อมอุปกรณ์การแพทย์เบื้องต้น พร้อมระบบฉายภาพทางไกลเชื่อมโยงแพทย์ประเมินอาการจากโรงพยาบาล เพื่อช่วยในการเข้าถึงผู้ป่วยได้เร็วขึ้นและรักษาเบื้องต้นได้ทันในช่วงเวลาการจราจรติดขัด พร้อมสร้างระบบแผนที่ออนไลน์เพื่อสำรวจว่า ในช่วงเวลาฉุกเฉินมีรถพยาบาลฉุกเฉินทั้งหมดประจำอยู่จุดใดบ้าง ทั้งรถของศูนย์บริการแพทย์ฉุกเฉินกรุงเทพมหานคร (ศูนย์เอราวัณ) และของโรงพยาบาลสังกัด กทม. 11 แห่ง เพื่อประเมินการส่งรถไปถึงผู้ป่วยได้รวดเร็วขึ้น การจัดประชุมดังกล่าว จึงเป็นการร่วมกันเสนอแนวทาง ปัญหา และแลกเปลี่ยนกับส่วนท้องถิ่นอื่น ๆ เพื่อนำมาพัฒนาให้ดีขึ้น
เหตุผลต่อมาคือ ผู้ที่จะเข้ามาทำงานด้านนี้ ควรมีมาตรฐานในการสรรหาคัดเลือก และมีการรับรองทักษะการทำงาน โดยเฉพาะรถพยาบาลฉุกเฉิน ควรมีการกำกับระเบียบการวิ่งรถ การรับคนไข้ ขอบเขตพื้นที่การทำงาน รวมถึงแนวทางการดูแลผู้ปฏิบัติงานด้านนี้ กทม.จึงขอเป็นตัวแทนในการนำเรื่องการบริหารจัดการด้านการแพทย์ฉุกเฉินขึ้นมาพูดคุยเพื่อหาทางออก เพราะที่ผ่านมามีการพูดถึงเรื่องเทคนิกทางการแพทย์ฉุกเฉินมากแล้ว ควรพัฒนาด้านการบริหารจัดการบ้าง
ด้านบริการรถฉุกเฉิน ปัจจุบัน กทม.มีเครือข่าย 8 มูลนิธิ มีรถฉุกเฉินทั้งหมด 1,100 คัน อยู่ระหว่างประสานงานกับกรมการขนส่งทางบก ตำรวจ และสถาบันการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อบริหารจัดการเพิ่มเติม โดย กทม.มีรถด้านการแพทย์ฉุกเฉินเพียงพอแล้ว เพราะจะมีบางเวลาเท่านั้นที่ต้องประสานเพิ่มเติม เช่น ช่วงเวลาเย็นการจราจรติดขัดอย่างมาก ทั้งนี้ กทม.ไม่ได้ปิดกั้นหากมีมูลนิธิประสงค์จดทะเบียนให้บริการเพิ่มเติม เพราะยังมีงานด้านอื่น เช่น บริการรถมอเตอร์แลนซ์ในโรงพยาบาลสังกัด กทม. ซึ่งมูลนิธิที่ต้องการจดทะเบียนเพิ่มเติมภายใต้กำกับดูแลของ กทม.ต้องมีการบริหารจัดการด้านระเบียบและมาตรฐานการทำงาน เช่น การขับรถ การเข้าพื้นที่ การส่งต่อ รวมถึงทำความเข้าใจขอบเขตพื้นที่ปฏิบัติงานในบางสถานการณ์ที่อาจต้องมีทีมหลักและทีมรองจากต่างพื้นที่เข้าช่วยผู้ป่วย โดยเรื่องดังกล่าวต้องมีการบริหารจัดการร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการปะทะกันระหว่างมูลนิธิ
สำหรับงานประชุมวิชาการแพทย์ฉุกเฉินในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นระดับชาติ ครั้งที่ 9 ประจำปี 2568 จะจัดขึ้นในวันที่ 13-15 มี.ค.นี้ ที่ห้องประชุมมิราเคิล แกรนด์ บอลรูม ชั้น 4 โรงแรมมิราเคิล แกรนด์คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร