กำลังแพร่หลายกันในแอปพลิเคชั่น "X" ที่มีการโพสต์สูตรน้ำตื่มชนิดต่างๆ ที่เอามาผสมกันเป็นสูตรกินแล้วป้องกันการ "ตั้งครรภ์" และยังมีสูตรป้องกันโรคซึมเศร้า ด้วย  

ก่อนหน้านี้ เพจเฟซบุ๊ก "Pharma Plus" โพสต์รูปพร้อมข้อความเตือน ระบุว่า ข้อมูลแบบนี้ผิดนะครับ กันท้องไม่ได้ เอาไปทดลองใช้กันท้องขึ้นมาเดี๋ยวเป็นภาระกันอีก ใครก็ได้ไปจัดการคนปล่อยข้อมูลหรือทำคอนเทนต์ที ห้ามทำ ความรู้ไม่มีแล้วชอบรีวิว ระวังจะได้นอนคุกแทนนะ ห้ามทำตาม

ล่าสุด รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ และนักสื่อสารวิทยาศาสตร์ โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ผ่านเฟซบุ๊ก Jessada Denduangboripant ระบุว่า 5555 ไปเอามาจากไหนกับครับเนี่ย นวัตกรรมมั่วซั่วในการคุมกำเนิดแบบนี้ ฮะๆๆ 

ไม่ว่าจะ "โคล่า+เครื่องดื่มชูกำลัง" , "ชาเขียว+กาแฟ" หรือ "โคล่า+โซดา" กินเข้าไป ก็ไม่ได้มีฤทธิ์อะไรที่จะไปช่วยคุมกำเนิด หรือไปทำให้ฮอร์โมนเพศแปรปรวน (อย่างที่อ้าง) จนทำให้ไม่ตั้งครรภ์ได้นะครับ

ถ้าจะเสียเงินซื้อเครื่องดื่มพวกนี้ ผมว่าซื้อถุงยางอนามัยดีกว่าครับ ถูกกว่า มั่นใจกว่า 

ส่วน "ยาคุมฉุกเฉิน" นั้น สามารถคุมกำเนิดได้จริง แต่ก็ไม่ได้จะ 100% และมีผลข้างเคียงด้วย ลองอ่านคำแนะนำด้านล่างนี้ครับ

"เข้าใจก่อนใช้ ยาคุมฉุกเฉิน"

ยาคุมฉุกเฉินที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบันจะมีลักษณะเป็นกล่องโดย 1 กล่องจะมี 1 แผง แต่ละแผงมียาคุมฉุกเฉิน 2 เม็ด โดยในแต่ละเม็ดประกอบไปด้วยยาที่เป็นฮอร์โมนขนาดสูง ลีโวนอร์เจสเตรล (levonorgestrel)
วิธีการรับประทานที่ถูกต้อง คือ รับประทานเม็ดแรกให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์แบบที่ไม่ได้ป้องกัน อย่างน้อยที่สุดคือไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง และรับประทานเม็ดที่ 2 หลังจากเม็ดที่ 1 ภายใน 12 ชั่วโมง และไม่แนะนำให้รับประทานยาเกิน 4 เม็ด หรือ 2 กล่องต่อเดือน

ยาคุมฉุกเฉินอาจมีผลข้างเคียง

การทานฮอร์โมนในปริมาณที่สูงมาก ผู้ใช้บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียนได้ และบ่อยครั้งจะทำให้ประจำเดือนมาเร็วหรือช้าลงได้ มีอาการปวดท้อง เจ็บคัดเต้านม มีเลือดออกกระปริบกระปรอยหรือมีเลือดออกมากระหว่างเดือน

ยาคุมฉุกเฉินไม่ได้มีผลต่อการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างที่ใครหลายคนเข้าใจ วิธีป้องกันโรคติดต่อ และสามารถคุมกำเนิดได้ดีที่สุดคือการใช้ถุงยางอนามัย 

นอกจากนี้ ยาคุมฉุกเฉินยังไม่ก่อให้เกิดการแท้งได้ ดังนั้น ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง แต่สามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น เนื่องจากตัวยาเข้าไปในร่างกายก่อนที่จะมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก แต่หากไข่ที่ผสมอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกไปแล้ว ประสิทธิภาพของยาก็จะไม่เกิดผล

จาก  https://www.phyathai.com/.../emergency-contraceptive...