บีไอจี ผู้นำด้านนวัตกรรมก๊าซอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และบริษัท เอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AVTผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไลผงพีวีซี และอีพิคลอโรไฮดริน ร่วมลงนามสัญญาความร่วมมือในการส่งมอบไนโตรเจนและออกซิเจนผ่านระบบท่อส่งก๊าซอุตสาหกรรม (Pipeline Network) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อนำไปใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไลและผงพีวีซี โดยคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี พ.ศ.2568
เมื่อวันที่ 5 ก.พ.68 นายปิยบุตร จารุเพ็ญ กรรมการผู้จัดการ บีไอจี เปิดเผยว่า ได้ร่วมลงนามในสัญญากับบริษัทเอจีซี วีนิไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AVTผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไลผงพีวีซีและอีพิคลอโรไฮดริน เพื่อส่งมอบไนโตรเจนและออกซิเจนผ่านระบบท่อส่งก๊าซฯ (Pipeline Network) ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง เพื่อนำไปใช้ในกระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์คลอร์-อัลคาไลและผงพีวีซี ที่เป็นวัตถุดิบของการผลิตในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และมีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของเอจีซีวีนิไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ คาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการได้ภายในปี พ.ศ.2568
สำหรับความร่วมมือดังกล่าว เป็นก้าวสำคัญของทั้งสองบริษัทในการร่วมกันลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเป็นการประยุกต์ใช้ Climate Technology ของบีไอจี ซึ่งสามารถนำก๊าซอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมเพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ปัจจุบันทุกภาคส่วนให้ความสำคัญต่อการผลิตสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดรับกับเป้าหมายของประเทศไทยในการลดก๊าซเรือนกระจกที่ร้อยละ 30 ภายในปี พ.ศ.2573 และเดินหน้าสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)ภายในปี พ.ศ.2608
“ความร่วมมือในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของทั้งสองบริษัทในการร่วมกันสร้างอนาคตที่ยั่งยืน การจัดหาก๊าซคาร์บอนต่ำผ่านระบบท่อส่งก๊าซ จะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ลดต้นทุนในการขนส่ง และเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตให้กับลูกค้า สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ “Generating a Cleaner Future” ของบีไอจี ที่มุ่งเน้นการจัดหาก๊าซอุตสาหกรรมคาร์บอนต่ำเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กับภาคการผลิตอุตสาหกรรม” นายปิยบุตรกล่าว
นายอภิชาติ กิจเจริญวิศาล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานกิจการพิเศษ บริษัท เอจีซีวีนิไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า “โครงการซากุระเป็นโครงการส่วนขยายกำลังการผลิตผงพีวีซีและวีซีเอ็ม ของเอจีซี วีนิไทย ที่เกิดจากการคาดการณ์ตลาดพีวีซีในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐาน ดังนั้นการนำก๊าซคาร์บอนต่ำมาใช้ในกระบวนการผลิตจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอน ที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ของเราเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน”