นักแสดงสาวสวยที่มาแรงในตอนนี้ ลีน่า ลลินา วันนี้จะมาเปิดใจเรื่องราวชีวิตตลอด 10 ปี ที่อยู่ในวงการบันเทิง จากเด็กสาวเมืองเชียงใหม่ เข้ามาแคสงานในกรุงเทพ เคยท้อ อยากยอมแพ้ จนวันนี้กลายมาเป็นนักแสดงสาวสวยมากความสามารถ ที่กำลังมาแรงสุดๆ พร้อมเล่าความฝันเจ้าที่ที่บ้านสั่งให้ไล่แม่บ้านออก รวมถึงเรื่องหัวใจที่เธอยอมรับแบบตรงๆ ว่า เคยมีผู้หญิงมาจีบ ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ทางช่องOne31 ที่มี ดีเจพุฒ พุฒิชัย และ เอส กันตพงศ์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
จุดเริ่มต้นของการเข้าวงการบันเทิงคืออะไร ?
ลีน่า : ย้อนไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว ตอนหนูอยู่ประมาณ ม.2 เกรด 8 เดินอยู่ที่โรงเรียนที่เชียงใหม่ หนูเป็นเด็กเชียงใหม่ เกิดและโตที่เชียงใหม่ แล้วก็มีแมวมองไปเจอเราที่เชียงใหม่ เขาก็เดินเข้ามาถามว่าสนใจไปแคสงานการแสดง งานละครไหม
เป็นแมวมองชื่อดังไหม ?
ลีน่า : ไม่แน่ใจ ตอนนั้นหนูไม่รู้จักเขา
ตอนนั้นกลัวไหมว่าจะมาหลอกหรือเปล่า?
ลีน่า : ไม่กลัวนะคะ รู้สึกว่าน่าสนใจดี หนูเป็นเด็กที่ว่าถ้าโอกาสไหนเข้ามาหนูไม่ค่อยปฏิเสธ ก็คิดว่าน่าสนใจ น่าลองจังเลย
แล้วมีความคิดที่อยากจะเข้าวงการอยู่แล้วไหม ?
ลีน่า : ไม่เคยเลยค่ะ ไม่เคยมีความคิดว่าตัวเองอยากเป็นดารา คิดว่าตัวเองไม่สวยด้วยซ้ำ แต่จำได้ว่าเวลาไปเดินตลาด แม่ค้าชอบบอกว่าไปประกวดนางงามสิ หน้าได้ แต่หนูไม่เคยคิดว่าตัวเองสวยจะเป็นดาราได้
น้องบอกไม่มีความคิดอยากจะเข้าวงการ แบบนี้ตัดสินใจนานไหมกว่าจะมาแคสงาน?
ลีน่า : หนูก็ลองดู เพราะว่าโอกาสเข้ามาแล้ว ก็บินมากรุงเทพกับคุณแม่ แล้วก็ได้มาแคสจริงๆ รู้สึกว่าท้าทายดี แล้วปรากฏว่าแคสได้ด้วย ก็เลยเฮ้ย…หรือว่าเราจะมาทางนี้เลยดีไหม
งานชิ้นแรกที่แคสคืออะไร ?
ลีน่า : เป็นงานละคร และเป็นละครที่หนูเคยดูตั้งแต่เด็กๆ ด้วย แล้วเล่นเป็นบทนางเอก
พอแคสแล้วได้เลยเป็นยังไงบ้าง ?
ลีน่า : ก็ตื่นเต้นนะคะ เราไม่คิดว่าจะทำมันได้ เราแค่รู้สึกว่ามีโอกาสเข้ามาก็ลองดู
ตอนนั้นเห็นว่าแคสได้ทั้ง 2 ที่ 2 ช่อง?
ลีน่า : ใช่ค่ะ แต่ก็รู้สึกว่าทุกอย่างมันถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าเราจะต้องอยู่ที่นี่อะไรทำนองนั้น ก็เลยเลือกที่นั่น
พอได้งานแล้วจากเชียงใหม่มากรุงเทพ ทำยังไงย้ายบ้านเลยไหม?
ลีน่า : คือครอบครัวหนูมี 4 คน แล้วก่อนที่จะมีแมวมองมาจะย้ายไปต่างประเทศทั้งครอบครัวแล้ว เพราะเหมือนพี่สาวต้องไปเรียนต่อต่างประเทศ ก็เลยมีแพลนว่าจะย้ายไปทั้งครอบครัวเลย ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่นั่นเลย แต่ว่ามีโอกาสนี้เข้ามาก็เลยย้ายมากับคุณแม่ 2 คนที่กรุงเทพ ส่วนพี่สาวก็ไปเรียนต่อที่แคนาดา ก็เหมือนแยกทางกันประมาณนึง
พอเราเลือกวงการบันเทิงย้ายมาเลยไหม ?
ลีน่า : ย้ายมาเลยค่ะ พอเราเซ็นสัญญาปุ๊บ เราก็ย้ายมาเลย แล้วก็มาหาโรงเรียนที่นี่
การปรับตัวเป็นยังไงบ้าง ?
ลีน่า : หนูรู้สึกว่าพอเรามาตั้งแต่ยังเด็ก การปรับตัวมันไม่ยากมาก เพราะว่าเรายังพร้อมที่จะเรียนรู้ตลอดเวลา อาจจะมีแค่ว่า จากเมืองเล็กๆ ที่เราไม่ต้องระแวงอะไร แล้วเรารู้ทุกซอก ทุกมุม ของจังหวัดเชียงใหม่ พอมากรุงเทพฯมันเหมือนเป็นที่แปลกใหม่สำหรับเรา เราไม่ได้รู้ถนนนี้ สถานที่นี้ หรือความอันตรายของเมืองใหญ่ คุณแม่ก็ค่อนข้างเป็นห่วง จะอยู่อยู่กับเราตลอดเวลา
แล้วเรื่องเพื่อนพอย้ายมาแล้วคิดถึงไหม ?
ลีน่า : มีค่ะตอนหนูย้ายมาแล้ว หนูก็มีบินกลับเชียงใหม่บ่อยๆ ไปเจอเพื่อน เจอคุณพ่อ เจอครอบครัวปกติอยู่แล้ว ก็เลยไม่ได้รู้สึกว่ายากที่เราตัดสินใจมา
เป็นยังไงบ้างทีนี้ทั้งเรียนและทำงานไปด้วย ?
ลีน่า : ตอนนั้นมากรุงเทพฯ ก็คือขึ้น ม.3 แล้วเป็นช่วงที่เรามูฟไปไฮสคูล แล้วตอนนั้นถ่ายละคร 2 เรื่อง คือ 7 วันการละคร ก็เลยรู้สึกว่า เอ๊ะ… หรือว่าเราจะเปลี่ยนเป้าหมาย แบบโฟกัสที่การเข้ามหาวิทยาลัยเลย หมายความว่าออกจากโรงเรียนแล้วมาสอบเทียบ และหลังจากนั้นก็ติวเพื่อที่จะเข้ามหาวิทยาลัยเลยดีกว่าไหม ก็เลยเป็นการตัดสินใจ เรียนจบม.3 ก็ออกจากโรงเรียน แล้วก็มาสอบเทียบ เพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ตอนนั้นมีเป้าหมายว่าต้องเข้าจุฬาให้ได้ ตอนนั้นบอกแม่เลยถ้าหนูสอบไม่ติดจุฬา หนูจะไม่เรียนหนังสือเลย
สรุปได้เข้าจุฬาสำเร็จไหม ?
ลีน่า : ได้เข้าค่ะ เรียนจบแล้วค่ะ แต่เราก็เสียดายที่ไม่ได้มีชีวิตในไฮสคูลนะคะ แต่เหมือนชีวิตเรามาทางนี้แล้ว ก็เต็มที่กับมัน
มันยากไหมกับการที่เราถ่ายละคร 2 เรื่อง แล้วเตรียมตัวสอบเทียบเข้านิเทศ จุฬา?
ลีน่า : หนูรู้สึกว่ามีพี่ดาราที่เป็นนางเอกดังเขาทำได้ เรารู้สึกว่าขนาดเราไม่ได้ดังเท่าเขา เราก็ต้องทำได้สิ หนูว่ามันไม่มีอะไรที่ยากเกิน ถ้าเรามีความพยายามมากเพียงพอ เลยรู้สึกว่ายังไงเราก็ต้องทำให้ได้ คิดแค่นั้นเลย
ตอนที่เข้าเรียน ปี1 อายุเท่าไหร่?
ลีน่า : อายุ 18 ตามเกณฑ์เลย คือหนูมีความฝันว่าอยากเป็นดัมเมเยอร์ของจุฬา แล้วพี่ภัทร ฉัตรบริรักษ์ หนูเคยเล่นละครกับเขา เขาบอกว่าลีน่าสอบเข้าจุฬาให้ได้นะ แล้วเป็นจุฬาคฑากรให้ได้ พอเข้าปี1 ก็สมัครเลยแล้วกัน แล้วก็ได้ตามที่หวังไว้
ทำหลายอย่างแบบนี้แบ่งเวลายังไง ?
ลีน่า : คือเราต้องจัดการเวลาเก่งมากเลย เพราะว่าเราเรียน 8 โมง - 4 โมง แล้วเราต้องซ้อม 5 โมงเย็นเป๊ะ จนถึงประมาณเที่ยงคืนทุกวัน เป็นเวลา 4 เดือน เพราะเราทำกันเป็นหมู่คณะ 8 คน แล้วทุกอย่างต้องพร้อมเพรียงกันมากๆ เพราะฉะนั้นเราต้องใช้เวลาทำให้ทุกอย่างมันพร้อมกัน
ทราบมาว่าซ้อมหนักจนน้องท้อ ?
ลีน่า : ใช่ค่ะ คือหนูไม่เคยซ้อมอะไรหนักขนาดนี้ งานละครก็ไม่หนักเท่านี้ แต่ว่ามันเป็นการฝึกอีกมุมนึงในชีวิตเรา
ได้อะไรจากการที่ซ้อมหนักจนท้อ แล้วนำไปปรับใช้ในชีวิตตัวเอง?
ลีน่า : เราได้เพื่อนที่เป็นมิตรภาพที่ดีมากๆ ที่ทุกวันนี้ก็ยังคบกัน รักกันมากๆ เพราะว่าพวกเราผ่านอะไรมาด้วยกันเยอะมาก ก็เลยรู้สึกว่ามันไม่ใช่แค่การควงคฑาเฉยๆ แต่มันเป็นความรู้สึกทางใจ และความสัมพันธ์ที่เราได้จากคนรอบข้างในกลุ่มเพื่อนเราด้วย
ตอนนี้เท่ากับเราอยู่ในวงการบันเทิงมากี่ปีแล้ว?
ลีน่า : 10 ปีค่ะ เพราะตอนนี้หนูอายุ 25
ตลอดเวลา 10 ปี มีบทบาทอะไรที่ผู้ใหญ่เสนอมาเราก็ไม่เคยปฏิเสธเลย?
ลีน่า : ใช่ค่ะ อย่างที่บอกหนูรู้สึกว่าไม่ว่าโอกาสไหนที่เข้ามามันมีผลกับชีวิตเราเสมอ ไม่ว่าโอกาสจะเล็ก จะใหญ่ มันก็ทำให้เราได้พัฒนาอะไรสักอย่างในตัวเอง ก็เลยไม่เคยปฏิเสธสักบท
แล้วในเรื่องของความรู้สึก มีในแง่บวก หรือแง่ลบอะไรไหมในวงการบันเทิง?
ลีน่า : อาจจะมีบ้างที่เรารู้สึกว่า หรือตรงนี้อาจจะไม่ใช่ที่ของเรา หรือว่าเราจะไม่เหมาะกับวงการบันเทิง
อะไรที่ทำให้คิดแบบนั้น ?
ลีน่า : อาจจะด้วยระยะเวลาด้วย
ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนที่เราทำงานในวงการมากี่ปี ?
ลีน่า : ก็หลังเรียนจบมหาลัย ก่อนเข้ามหาลัยหรือช่วงมหาลัยหนูรู้สึกว่าทำไปเรื่อยๆ เพราะมันยังไม่ถึงเวลาที่เราต้องโฟกัสจุดใดจุดนึง แต่พอเรียนจบก็มานั่งคิดทบทวนกับตัวเอง หรือว่าเราจะไปเวอื่นดี เพราะว่าตอนที่เรียนก็มีอะไรหลายอย่างเข้ามาในหัว แล้วรู้สึกว่าเราสนใจ เช่น การทำธุรกิจ หรือการไปเรียนต่อต่างประเทศ
แล้วเราผ่านโมเมนต์นั้นมายังไง ?
ลีน่า : หนูรู้สึกว่าทุกคนน่าจะมีเวลาเป็นของตัวเอง หนูคิดไว้เสมอว่ามันยังถึงเวลาของเรา ก็มีความเชื่อเสมอว่าสักวันต้องเป็นวันของเราสิ แต่มันก็มีท้ออยู่เรื่อยๆ หรือว่าเราไม่เหมาะกับตรงนี้ หรือว่าหน้าเราไม่ขึ้นกล้อง
ทุกวันนี้ความท้อนั้นยังอยู่หรือเปล่า ?
ลีน่า : ก็ไม่แล้วค่ะ ก็อาจจะด้วยงานที่เข้ามาเรื่อยๆ ก็คิดว่าลองฮึบสู้อีกรอบหนึ่ง อาจถึงเวลาของเราแล้วหรือเปล่า
คุณแม่ให้กำลังใจยังไงบ้าง ?
ลีน่า : คุณแม่ให้เราตัดสินใจเอง ถ้าอยากอยู่ก็อยู่ แต่ถ้าอยากทำอย่างอื่นก็ลองหาวิธีดู เขาไม่ได้บังคับว่าจะต้องอยู่นะ หรือจะต้องไปนะ เขาให้อิสระในความคิดเรา
การเป็นดาว TikTok เพื่อไปสานต่อวงการนี้หรือเปล่า?
ลีน่า : จริงๆ การเล่น TikTok ของหนูไม่ได้มีโกอะไรเลย แค่ตอนนั้นเป็นช่วงโควิด ปี 2020 รู้สึกเบื่อๆ ลองเต้น TikTok แล้วหนูเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เล่น แล้วมันมีคลิปนึงที่คนดูเกือบ 10 ล้าน กลายเป็นทุกคนเรียกหนูว่า ดาว TikTok ตั้งแต่ตอนนั้นเลย ซึ่งหนูก็เต้นแบบสไตล์หนู ไม่ใช่นักเต้นอะไรขนาดนั้น
ตอนนี้ TikTok มีคนติดตามเท่าไหร่ ?
ลีน่า : 1.7 ล้าน
เป็นเพราะ TikTok หรือเปล่าที่ทำให้มีงานต่างๆ ติดต่อเข้ามา?
ลีนา : ใช่ค่ะ อย่างช่วงโควิด เป็นช่วงที่หลายคนพบเจอปัญหา แต่หนูสวนทาง เพราะงานรีวิวเข้ามาเยอะมาก ช่วงนั้นก็เลยได้ทำงานอยู่ที่บ้าน
พอกลับมาถ่ายละครยังเล่น TikTok อยู่ไหม ?
ลีน่า : ยังเล่นอยู่เรื่อยๆ ค่ะ มันเป็นที่ที่เรารู้สึกว่าแสดงความเป็นตัวเองออกมาได้ ในละครเราก็ต้องเป็นตัวละคร แต่อันนี้มันเป็นการโชว์ไลฟ์สไตล์ของเรา โชว์ความเป็นตัวตนของเรา
ตอนนี้เทรนของ TikTok ปี 2025 ไปในทางไหน?
ลีน่า : ก็จะเป็นเพลง แล้วแต่ช่วงว่าเพลงไหนมาก็เต้นเพลงนั้น
ตอนนี้ละครก็เยอะ โฆษณาก็เยอะ รีวิวก็เยอะ แล้วเป็นดาว TikTok ด้วย แพลนในวงการวางไว้ยังไงบ้าง?
ลีน่า : หนูว่าวงการบันเทิง เป็นอะไรที่เราแพลนค่อนข้างยาก ด้วยปัจจัยภายนอก มันมีผลกับเราเยอะมาก เราก็ดูทิศทางก่อนว่าปีนี้และปีหน้าเป็นยังไง หนูว่าทำหน้าที่ ณ วันนี้ให้ดีที่สุดก่อน ซึ่งปีนี้ก็มีละครอ่อนแออยู่ เรื่อง แม่เลี้ยง ปลายปีจะมีซีรีส์ยูริ
น้องอยู่วงการบันเทิงมานานแล้ว มีความคิดเห็นยังไงเกี่ยวกับวงการบันเทิงบ้าง?
ลีน่า : หนูรู้สึกว่ามันเป็นวงการที่น่าสนใจนะคะ เราได้เจอคนเยอะมาก หนูเข้ามาตั้งแต่เด็ก เจอคนเยอะและเจอหลายแบบมากๆ มันทำให้เราได้เรียนรู้คนตั้งแต่วัยเด็กเลย อันนี้คือข้อดีที่หนูสัมผัสได้ ส่วนในการเป็นนักแสดง หนูรู้สึกว่าเราต้องทำการบ้านยังไง ให้เราเป็นมนุษย์อีกคนนึงได้ อันนี้เป็นสิ่งที่วิเศษมากๆ เวลาที่เราได้เข้าซีนแล้วตัวละครอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งโมเมนต์นี้มันไม่ได้เกิดขึ้นทุกซีนด้วย มันอาจจะมาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่พอมันเกิดขึ้นทำให้เรารู้สึกว่าแบบเฮ้ย… กลับบ้านแล้วมีความสุข แล้ววันนั้นก็จะกลายเป็นวันที่ดีมากๆ เลย แต่วันที่ผิดหวังในตัวเองมันก็เกิดขึ้นบ่อยมากด้วยในช่วงแรกๆ
ไอดอลในการแสดงคือใคร?
ลีน่า : หนูเคยร่วมงานกับพี่ณิชา รู้สึกว่าพี่เขาเป็นนักแสดงที่เก่งมาก แล้วเราสนิทกัน เวลาหนูมีเรื่องที่จะปรึกษาในเรื่องของการแสดง ก็จะยกหูหาเขาเลย ก็เลยเห็นพี่เขาเป็นไอดอล แล้วเขามีแพชชั่นกับสิ่งนี้มากๆ มันทำให้เรามีแพชชั่นไปด้วย
ตอนนี้อายุ 25 เราเป็นลูกครึ่งมีความเชื่อเรื่องเบญจเพศไหม?
ลีน่า : มีค่ะ เพราะกลุ่มเพื่อนก็คุยกัน ปีนี้พวกเรา 25 แล้วนะ ระวังตัวด้วย แต่หนูรู้สึกว่าน่าจะเป็นเบญจเพศที่ดีสำหรับหนู
หมอดูทักว่าปีนี้ดวงพุ่งมาก ?
ลีน่า : ใช่ค่ะ ทักตั้งแต่ปีที่แล้ว ว่าปีนี้เราจะดวงดีมาก ดวงการงานจะดีมากๆ
แล้วเรื่องดวงความรักล่ะ ?
ลีน่า : อันนี้หมอดูไม่ได้พูดถึง หนูก็เลยบอกว่างั้นหนูเอางานก่อนก็ได้ค่ะ พอหมอดูไม่พูดเลย เราก็ไม่ถามแล้วกัน
รู้สึกว่าเหมือนมีเจ้าที่ เจ้าทาง เข้าฝัน?
ลีน่า : ใช่ค่ะ ตอนนั้นย้อนไปประมาณหนู ป.3 เด็กมาก ฝันว่ามีเจ้าที่ที่บ้าน เป็นคุณยายคนแก่เขาใส่ชุดไทย มาบอกกับหนูในฝัน เขาชี้ไปที่แม่บ้าน ตอนนั้นหนูมีแม่บ้านคนนึงที่หนูรักมาก แล้วเขาก็ดูแลหนูดีมาก แล้วเหมือนเจ้าที่คนนั้นชี้ไปที่แม่บ้านแล้วบอกว่าให้เอาผู้หญิงคนนี้ออกไป เขาพูดประมาณ 3 ครั้ง ดุมาก เหมือนตั้งใจมาบอกอะไรเราสักอย่าง หลังจากนั้นเราก็ตื่นขึ้นมาร้องไห้ เพราะหนูเป็นคนไม่มีเซ้นและไม่เคยเกิดเรื่องราวแบบนี้ในชีวิต ก็เลยไปบอกคุณแม่ว่าฝันแบบนี้ คุณแม่เหมือนเป็นคนมีเซ้น แล้วเขาเหมือนรู้ประมาณนึงว่าจะมีอะไรสักอย่าง เหมือนบ้านหลังนี้มีเจ้าที่คอยปกปักรักษาอยู่ แต่คุณแม่ก็บอกว่าไม่มีอะไรหรอก ไม่ต้องคิดมาก เพราะเขาก็ดูแลบ้าน แต่หลังจากนั้นประมาณ 3 อาทิตย์ แม่บ้านคนนั้นมาบอกกับคุณแม่ว่าตั้งท้อง แล้วเขาไปเอาเด็กออก คุณแม่ก็เลยแบบเหมือนคุ้นๆ เหมือนมันไปลิงก์กับฝันที่เราฝัน เหมือนเขาไปทำอะไรไม่ดีมา แล้วเจ้าที่มาเตือน ว่าให้เอาแม่บ้านคนนี้ออกไป เพราะเขาไปทำอะไรไม่ดีมา
มีสถานที่ไหน ที่คุณแม่ไปแล้วเกิดเหตุการณ์ขึ้นไหม?
ลีน่า : เคยมีครั้งนึง ไปถ่ายละครด้วยกัน เหมือนที่ถ่ายละครเขาจะมีตั้งโต๊ะหมู่บูชาพระ ก็เลยพากันขึ้นไปไหว้ จะได้รู้สึกดี เพราะว่าไปสักแป๊บ คุณแม่ก็เหมือนเกิดอาการสั่น แล้วก็น้ำตาใหลไม่หยุดเลย หนูก็ไม่รู้จะทำยังไง เพราะไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้เหมือนกัน ก็เลยลงไปตามทีมงานกองถ่าย บอกพี่มาช่วยหน่อยหนูไม่รู้จะหยุดได้ยังไง เขาก็ค่อยๆ ให้คุณแม่หายใจ ให้มีสติ ณ ปัจจุบัน ก็เลยดีขึ้น
สวยแบบนี้สถานะเป็นยังไง ?
ลีน่า : โสดสนิทเลยค่ะ
หรือเราไม่พร้อมเปิดใจหรือยังไง ?
ลีน่า : ก็มีบ้าง
หรือว่าอาจจะยังไม่เจอคนที่ใช่ ?
ลีน่า : อาจจะด้วย เรารู้สึกว่าพอเราทำงานเยอะ เวลามันไปทุ่มกับการงานเยอะ ก็เลยรู้สึกว่าการที่เราจะต้องมานั่งศึกษาใครสักคน ณ เวลานี้ อาจจะไม่ใช่เงลาที่ถูกต้อง ก็เลยรู้สึกว่างั้นพักไว้ก่อน
มีคนเข้ามาจีบบ้าง มีสุภาพสตรีด้วยที่เข้ามาจีบ ?
ลีน่า : ใช่ค่ะ เคยมีผู้หญิงมาจีบหนู แต่ ณ เวลาน้้นหนูมอ
เห็นแล้ว ซึ่งคนนี้เป็นผู้ผญิงที่สวยมาก เซ็กซี่ เลย มาจีบ เขาอยากคุยด้วย ชอบเรา อยากศึกษาเรา หนูไม่เคยคิดว่าจะมีผู้หญิงมาจีบหนู ตอนนั้นก็ตกใจนะ มันแอบเขิน หรือว่าเรามีอะไรดึงดูดผู้หญิงด้วยกันหรอ ก็แอบสงสัยแล้วก็เขิน แต่ด้วยความที่ตอนนั้นเรามีแฟนแล้ว ก็เลยไม่ได้คุยกัน
แล้วถ้าสมมติตอนนั้นไม่มีแฟน ?
ลีน่า : ก็อาจจะลองคุยนะคะ เพราะความจริงเขาก็ตกสเปคอยู่ คือหนูชอบมองผู้หญิงสวย เซ็กซี่
เป็นคนในวงการบันเทิงเหมือนกันไหม ?
ลีน่า : ไม่ใช่ค่ะ เป็นคนนอกวงการ
แบบนี้ปิดกั้นเรื่องเพศไหม ?
ลีน่า : ไม่ปิดกั้นค่ะ จากเหตุการณ์ครั้งนั้น มันทำให้เรารู้เลยว่าเราก็อยากคุยกับเพศเดียวกันเหมือนกัน เพราะเราก็มองเขาสวย มีเสน่ห์มากๆ ก็เลยรู้สึกว่า ถ้า ณ เวลานั้นเราไม่มีแฟน เราก็คงคุยกับเขาแหละ
ทำไมถึงชอบผู้หญิงสวย ?
ลีน่า : ก็ชอบมองผู้หญิงสวยอ่ะ ไม่รู้เหมือนกันบอกไม่ถูก แต่หนูชอบมอง
ระหว่างผู้หญิงสวยกับผู้ชายหล่อชอบมองอะไรมากกว่ากัน ?
ลีน่า : ผู้หญิงสวยค่ะ
สมมติมีผู้ชายเข้ามาสเปคที่ชอบเป็นแบบไหน?
ลีน่า : หนูไม่ค่อยดูรูปลักษณ์ภายนอก หนูค่อนข้างดูบุคลิกเป็นหลัก เวลาเราเจอกันเฟิร์สอิมเพรสชั่นครั้งแรกสำคัญกับหนูมาก แต่ถ้าทัก DM มาจีบ หนูจะไม่เลย เพราะหนูจะตัดสินในครั้งแรกว่าจะสปาร์คหรือเปล่า
แล้วผู้หญิง นอกจากความสวย ความเซ็กซี่?
ลีน่า : ก็อาจจะต้องเข้าใจเรา หนูรู้สึกว่าความรักคือการเสียสละ ไม่ว่าจะเพศหญิงหรือเพศชาย มันคือการเสียสละจริงๆ เวลาที่คบกันเป็นแฟน เสียสละความเป็นส่วนตัว หรือว่าความคิดบางอย่างที่เราอาจจะยึดติดกับมันมาก เราอาจจะลองเปลี่ยนเพื่อเขาบ้างสักนิดนึง
ช่วงนี้อยากจะให้น้ำหนักไปเรื่องความรักหรืองานมากกว่า?
ลีน่า : งานแน่นอนเลยค่ะ ถามว่าใช้เวลานานไหม คือไม่แน่ใจ อาจจะเพราะคนที่เข้ามาเรายังไม่เจอคนที่ถูกใจด้วย ก็เลยอาจจะยังไม่ได้สานสัมพันธ์กับใคร
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama
คลิปสัมภาษณ์ : https://youtu.be/CYam8hL0X7w?si=ZBKsjjreBKgTlB49