เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 4 ก.พ.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ตนแจ้งในที่ประชุมครม.ว่าระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ. ตนและคณะจะเดินทางไปเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ และจะไปยังนครฮาร์บินที่มีการแข่งขันเอเชียนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9  ส่วนเรื่องที่จะไปคุยกับทางการจีนคือเรื่องการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เรื่องความสัมพันธ์ 50 ปี การส่งเสริมเรื่องการเชื่อมโยงอุปทานในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ทั้งคอนแทคเตอร์แบตเตอรี่ไฟฟ้า และมีการเร่งรัดโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1-2 ให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างไทย ลาว และจีน และสุดท้ายเรื่องความร่วมมือด้านการศึกษาและวิจัย โดยเฉพาะเทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อยกระดับที่จะพัฒนาบุคคลากรของประเทศเราให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น และจะมีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือหลายฉบับที่จะเป็นการยกระดับความร่วมมืออย่างรอบด้านทุกมิติ 

 

เมื่อถามว่า การเดินทางไปจีนจะขอความร่วมมือทางด้านอาชญากรรมออนไลน์ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ซึ่งเป็นปัญหาของทั่วโลกอยู่แล้วไม่ใช่แค่จีน ก็ต้องไปคุยกันและต้องถามถึงเทคโนโลยีและวิธีการต่างๆที่จะช่วยเหลือกันด้วย 

 

เมื่อถามว่า จะขอให้เขาช่วยเรื่องอะไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ต้องเป็นความร่วมมือซึ่งกันและกันว่า จะสามารถช่วยทั้งสองฝั่งได้อย่างไร เมื่อถามว่า ตอนนี้เหมือนจีนจะมีบทบาทในประเทศเพื่อนบ้านของเรา จะขอให้เขามาช่วยตรงนี้ได้อย่างไรบ้าง นายกฯ กล่าวว่า ต้องให้มาร่วมมือกันและคิดว่าจีนน่าจะเล็งเห็นปัญหาในเรื่องนี้อยู่แล้ว ฉะนั้นการขอความร่วมมือก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร ซึ่งบ่ายวันที่ 4 ก.พ. นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน จะเข้าพบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ช่วงบ่าย 

 

เมื่อถามว่า การที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีจะมา นายกฯได้ทราบข้อมูลเบื้องต้นอะไรหรือไม่ที่จะมีการพูดคุยกัน นายกฯกล่าวว่า ต้องชี้แจงก่อนว่าเรื่องที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีเขามา ไม่ได้มาแบบทางการ แต่มาส่วนตัว ฉะนั้นทางเราก็จะไม่มีการรับทราบหรือไปต้อนรับ เพราะเขามาของเขาเอง แต่เมื่อมาแล้วมีการพูดคุย มีข้อมูลอันนั้นก็เป็นไปตามหลังบ้านที่คุยกันตามข้อกำหนดมาตรฐานอยู่แล้ว ซึ่งกับจีนเองจริงๆเราไม่ได้มีความเข้าใจผิดอะไรกันในเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นไม่เป็นปัญหาแน่นอน 

 

เมื่อถามว่า คนไทยตั้งความหวังว่าการเยือนจีนของนายกฯครั้งนี้หยิบยกเรื่องการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะมีผลสัมฤทธิ์อย่างไร นายกฯ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องหลัก คิดว่าต้องมีความคืบหน้าแน่นอน เพราะปัญหานี้เป็นปัญหาสำหรับจีนด้วยเช่นกัน ไม่ใช่ปัญหาประเทศไทยเท่านั้น ฉะนั้นการไปคุยเรื่องนี้ต้องได้รับความคืบหน้าและมีผลกลับมาเล่าให้ประเทศไทยฟัง เดี๋ยวรอดูอีกทีว่าเราจะทำอะไรร่วมมือกันได้บ้าง