เมื่อวันที่ 3 ม.ค.68 นายมนต์ชัย จงไกรรัตนกุล หรือ "ทนายแก้ว" ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "ทนายแก้ว" ประเด็นเรื่อง "ค่าจ้างว่าความ จำนวน 1.5 แสนบาท จนเกิดกระแสร้อนแรงพาดพิงกับ "ดาราสาว" ถึงขั้นประกาศออกรายการ "โหนกระแส" จะฟ้องตรงต่อศาลและแจ้งความเอาผิดอีกทางหนึ่ง

โดย "ทนายแก้ว" ระบุว่า จากที่เป็นข่าว… จริงๆผมก็ไม่อยากจะออกมาพูดอะไรมากมายครับ แต่เหมือนจะไม่หยุด!  *ผมเลยขอพูดสักหน่อยว่า…

1.รายการโหนกระแสและพี่หนุ่มไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลย ดังนั้น อย่าไปพาดพิงรายการโหนกระแสครับ!! ต้องขอโทษรายการและพี่ #หนุ่มกรรชัย ด้วย

2.การที่ผมไปรับทำงานก็เป็นเรื่องส่วนตัว เพราะมีนายหน้าคนหนึ่งติดต่อเข้ามา (ผมไม่เคยรู้จักกับลูกความมาก่อนเลย) ซึ่งนายหน้าคนนี้ก็รู้และเคยเห็นการทำงานผมมาก่อน  และต่อมาก็ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องคดีเช็ค และผมก็ได้ตระเตรียมเรื่องนี้กันก่อนหน้า ที่จะมีการชำระเงินอีก  เมื่อได้เจอกับลูกความ,สามีของลูกความ,นายหน้า จึงได้พูดคุยกัน และมีการแจ้งให้ผมดำเนินการ2คดี ๆแรก ก็คือคดีเช็คที่มีประเด็น คดีที่2 เป็นคดีที่ดินที่สภ.ธัญบุรี ที่อ้างว่าถูกหลอก ซึ่งได้มีการไปแจ้งความก่อนแล้ว หลังจากกลับมาบ้าน ผมก็มีการเสนอค่าบริการทั้ง2คดี เป็นเงินจำนวน 300,000 บาท (เพราะเป็นงานเหมา)โดยส่งไลน์ไปให้นายหน้า 

นายหน้าก็ไม่ได้มีการโต้แย้งรายละเอียดเกี่ยวกับงานอย่างไรเลย ? ว่าจะเป็นคดีเดียว! และก็ได้ส่งมอบเอกสารให้กับผมเพื่อดำเนินงานในวันดังกล่าว 

แล้วต่อมา..ผมก็ส่งข้อความไปอีกว่านั้นเอาแบบนี้ เหลือ200,000บาท

แต่สุดท้ายอลูกความก็มีการโอนเงินมาให้150,000บาท 

-ผมจึงได้มีการมอบหมายทนายในทีม แบ่งกันดำเนินงานเป็นทีมๆ โดยตัวผมเองได้มีการประสานงานไปยังพนักงานสอบสวนที่สน. ทองหล่อ เพื่อขอเลื่อนการเข้าพบรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเมื่อพสส.รู้ว่าผมติต่อมา พสส. ได้ให้เกียรติผมมากๆ และให้ความเคารพ ประกอบกับด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตนของพนักงานสอบสวนด้วยครับ  พนักงานสอบสวนท่านนั้นจึงบอกให้ทำหนังสือเพียงแสดงเหตุจำเป็นเท่านั้น 

ซึ่งพสส.บอกว่าสามารถเลื่อนได้ครับ 

แต่เหตุจะเลื่อนก็เป็นเรื่องที่ลูกความที่จะต้องแจ้งกับพสส. ผมก็ได้มีการร่างหนังสือไป (จุดมุ่งหมายก็เพื่อขอเลื่อนเท่านั้น )แต่เมื่อส่งไปให้ลูกความ,

ลูกความกลับอยากจะให้ผมเขียนหนังสือในทำนองที่จะบอกว่า..คดีมีความซับซ้อน มีรายละเอียดของพยานหลักฐานมาก…อะไรทำนองนี้และให้ผมลงนาม แล้วผมก็แจ้งกลับไปว่า ทำไมจะต้องทำเรื่องให้ซับซ้อน ??? ก็มันเป็นเหตุจำเป็นที่สามารถเลื่อนพบพนักงานสอบสวนได้อยู่แล้ว เพื่อมาตั้งฐานเตรียมคดี

*เมื่อผมแจ้งไปแบบนั้น นายหน้าได้โทรศัพท์มาคุยกับผมว่า  จะขอเงินคืน โดยส่งข้อความมาทำนองว่า ขอร้องขอความเมตตาให้โอนเพิ่มเติม   ผมก็แจ้งกลับว่าแล้วผมผิดอะไร? งานก็ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ด้วยความประนีประนอมเห็นอกเห็นใจ และสงสารนายหน้าจึงได้มีการโอนเงินคืนไปจำนวน 90,000บาท และนายหน้าโอนคืนในส่วนของนายหน้าไปอีก 10,000บาท  รวมเป็นเงิน 100,000 บาท ทุกอย่างก็ยุติจบกัน ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2567

ผมก็ส่งมอบเอกสารคืน หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรอีกเลย!! ต่อมาเรื่องนี้ได้มีการออกโหนกระแส ผมก็ไม่ได้เข้าไปเป็นทนายความคนกลางอะไรของแต่ละฝ่ายเลยครับและ

ขอเน้นว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา หากลูกความหรือนายหน้า จะขอเงินเพิ่ม ก็ติดต่อมาได้ แต่ไม่เคยทวงถาม มาขออะไรเลย ตลอดระยะเวลาไม่เคยติดต่อมาทวงอะไรผมเลย!! แต่อยู่ดีๆปลายเดือนมกรา 2568 ซึ่งผ่านระยะเวลามาร่วม6เดือนเศษ แล้วมากล่าว หาผมว่า ไม่คืนเงินบ้าง? ไม่ได้ทำงานบ้าง?แบบนี้มันถูกเหรอครับ! แล้วยังมาโพสต์ข้อความหลายครั้ง ทำให้ผมเสียหายแก่ชื่อเสียง  เอาดีเข้าตัว มันเกินไปครับ! ไม่เหมาะสมอย่างมาก

3. และนอกจากนี้ผมยังได้โทรศัพท์ประสานงานไปหาทนายอาจารย์เดชา เพื่อขอไม่ให้ ลูกความของอาจารย์เดชาไปออกรายการต่างๆ อาจารย์เดชาก็ตอบตกลง 

ส่วนกรณีที่พูดว่าผมเป็นพวกเดียวกับอาจารย์เดชา นั้นไม่จริงเลยครับ 

การอยู่ในวงการทนาย มันก็เป็นธรรมดาที่ต้องรู้จักกันเท่านั้น  ต่างฝ่ายก็ต่างทำหน้าที่ของลูกความ ก็เท่านั้นครับ

4. หลังจากที่ผมยุตติงาน ผมก็ส่งข้อความไปแจ้งกับพนักงานสอบสวน ว่าผมไม่ได้ทำแล้ว โดยให้เหตุผลว่าความเห็นไม่ตรงกันเท่านั้น และ พนักงานสอบสวนท่านนี้ก็น่ารักและ ให้ความเคารพ ให้เกียรติผม
ยังส่งข้อความกลับมา อยากให้ผมเป็นทนายต่อ เพื่อหาทางออกร่วมกัน 

5.ยังมีการโพสต์ว่าผมเรียกเงินเพื่อออกรายการ2-3แสนบาท นั้นยิ่งไม่เป็นความจริงใหญ่ เพราะผมไม่เคยที่จะคุยกับโปรดิวเซอร์ หรือพี่หนุ่มกรรชัยในเรื่องนี้ เพื่อขอให้มาออกรายการเลยครับ ถามทุกคนได้ครับ

*ผมอยู่ในวิชาชีพนักกฎหมายมาร่วม 30 ปี  ไม่เคยมีเรื่องไม่ดีเลย , ใช้ชีวิตตามฐานานุรูป ,ไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่เคยใช้ชีวิตซับซ้อนเลย ถือคติว่า “คนเก่งไม่เรื่องมาก-คนดีไม่มากเรื่อง ” มาโดยตลอด   ผมไม่ใช่คนที่จะไปเอาเปรียบใคร!!! และอยากจะบอกทนายท่านหนึ่งที่มาโพสต์แซะผม , ก่อนจะแสดงความคิดเห็นอะไรออกมา ควรได้ข้อเท็จจริงครบทุกด้านก่อน ไม่ใช่โพลต์ไปเรื่อย ให้เกียรติคนอื่นบ้าง  พอคนอื่นไม่ชอบที่เราโพลต์ ก็ไม่พอใจเขา ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง

ผมก็ไม่ได้มีสิทธิและเจียมตัวครับที่จะไปอบรมสั่งสอนใคร? และพื้นฐานผมเป็นคนให้เกียรติคนอื่น โดยเฉพาะอาชีพทนายความครับ  เพราะผมรักและเคารพอาชีพนี้มาก ที่สำคัญ
เพราะผมเป็น“ทนายอาชีพ-ไม่ใช่อาชีพทนาย”ครับ 

สุดท้ายแต่เพียงอยากจะพูดลอยๆ

ดีชั่วอยู่ที่ตัวเราทำ อยากให้ใครทำดี พูดดีกับเรา เราก็ต้องทำดีและพูดดีกับเขาเช่นกัน และคนจะดีจะเก่งมันต้องให้คนอื่นเป็นคนบอกครับ

ดังนั้นจึงขอใช้สิทธิตามกฏหมายครับ

ทนายแก้ว